“ไกรเสริม”โต้ “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” รัฐบาล “บิ๊กตู่” สร้างหนี้แต่มีผลงาน

  • กู้เงินลงทุนในระบบสาธารณูปโภคสำคัญของประเทศ
  • ไม่ใช่การซื้อของมาขายเพื่อหวังกำไรในเวลารวดเร็ว

นายไกรเสริม โตทับเที่ยง รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุ รัฐบาล คสช.บริหารประเทศ 5 ปีมีการสร้างหนี้ 2 ล้านล้านบาท ว่า จากการติดตามเนื้อหา นายกอร์ปศักดิ์ ไม่ได้แฉการกู้เงินของรัฐบาลที่ผ่านมา เพียงแต่ ตั้งคำถามแบบเป็นห่วงถึงการบริหารการเงินของรัฐบาลที่กำลังจะมารับหน้าที่ และส่วนตัวมองว่า การตั้งสมมติฐานความสัมพันธ์ระหว่างการกู้เงิน กับการหารายได้เข้าประเทศ เกี่ยวกันในทิศทางเดียวกันเป็นสมมติฐานที่บิดเบี้ยว เพราะขาดการมองวัตถุประสงค์ และไม่ได้นำข้อเท็จจริงว่า การลงทุน และการหารรายได้รัฐ เป็นคนละเรื่องกัน

นอกจากนี้มุมมองที่ว่า กู้เงินมามาก เพราะแจกเงินมาก ตนคิดว่า ควรคิดไตร่ตรองมากๆ การที่นายกอร์ปศักดิ์ อ้างถึงสมัยที่พรรคของตนบริหาร และได้แจกเงิน 2,000 บาท โดยกู้มา และบอกว่า ถัดมาสามารถหาเงินภาษีมาได้ ตรงนี้ฟังดูเหมือน สไตล์นักการเมืองตีกิน เพราะแท้จริง รัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ได้มีนโยบาย แจกเงิน ตนจึงเห็นว่าเป็นเรื่องคลาดเคลื่อนในการเปรียบเทียบและอาจทำให้เข้าใจไปว่า รัฐบาลกู้มาแจก ซึ่งไม่ใช่ความจริง

นายไกรเสริม กล่าวด้วยว่า การมองการบริหารเงิน ผ่านแว่นตาของคนการคลัง โดยพยายามเสนอความคิดที่ว่า ให้ไปใช้กลไกนโยบายการเงิน เพื่อหารายได้เข้ารัฐ ตนคิดว่าเป็นไปได้แต่คงต้องมองถึงสภาวะเศรษฐกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงความจำเป็นต่อการใช้นโยบายการคลัง ว่าเป้าหมายคือการลงทุนเพื่อปรับรากฐานทางเศรษฐกิจ ซึ่งการตั้งประเด็นว่า กู้เงินเยอะ ไม่ได้เงินคืนมากและเร็วเพียงพอ เรื่องนี้คงต้องลงรายละเอียด เพราะรัฐบาลที่ผ่านมา เน้นการลงทุน หากมองว่าการลงทุน ย่อมต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ซื้อของมาขายและหวังรอผลตอบแทนกำไร แต่เป็นการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้า โครงการEEC โครงข่ายสำคัญทางด้านการรองรับเศรษฐกิจดิจิตอล หรือการปรับปรุงด้านคมนาคมขนส่ง ขยายถนนที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำได้สำเร็จ ประเด็นนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง ให้ความเป็นธรรมในการพูดถึง ว่าการลงทุนของรัฐบาลไม่ได้ต้องการการคืนทุน ในรูปแบบเงินรายได้แต่เพียงด้านเดียว แต่ในทางกลับกัน ความเป็นอยู่ของประชาชน คุณภาพชีวิตต่างหาก ที่เป็นตัววัดผลตอบแทนการลงทุนของรัฐ

ส่วนการที่บอกว่า การกู้เงินเพื่อมาจ่ายคืนเงินกู้ และไม่พอ จึงกู้มากขึ้นทุกปี ตรงนี้แท้จริงถูกครึ่งเดียว เพราะที่ผ่านมา รัฐมีภาระที่ต้องชำระเงินที่เสียหายจากโครงการจำนำข้าว และโครงการที่รัฐเคยทำสัญญาและต้องชดเชย อันล้วนแต่มาจากภาระผูกพันของรัฐบาลก่อนๆที่ผ่านมา ดังนั้น โดยความรับผิดชอบของผู้ที่ต้องขับเคลื่อนประเทศ ย่อมจำเป็นต้องหาทางเยียวยาแก้ไข และการบริหารจัดการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวก็อยู่ในข่ายที่รับได้ และไม่ได้สร้างภาระใหม่มากไปกว่าที่เคย

นายไกรเสริม กล่าวว่า ผมเป็นคนมองโลกในแง่บวก
ซึ่งแน่นอน มุมมองของผู้ที่เคยนั่งในตำแหน่งรองนายกฝ่ายเศรษฐกิจ ย่อมต้องเห็นหลายๆอย่าง จากประสบการณ์ของท่าน เพราะฉะนั้น ตนจึงบอกว่า นี่คือข้อดีว่าเราจะมีการตั้งคำถามแบบเป็นห่วง ติเพื่อก่อ หาทางสร้างผลงาน และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

แต่อีกด้านหนึ่งคือ การรับรู้ของประชาชน ต่อการนำเสนอข่าวสาร ผ่านการเห็นแค่หัวข้อข่าว ซึ่งมองเป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ ที่ต้องการการพัฒนา คงต้องลงถึงระดับการศึกษา ว่าด้วยการฝึก คิด วิเคราะห์ แยกแยะ และแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อรับรู้และเข้าใจกับข้อมูลที่มีมากมายในยุคสังคมปัจจุบัน