โพสต์สุดท้ายเกี่ยวกับลุงและ Animal Farm

เอาจริงๆ ที่มันจี๊ดใจที่สุดไม่ใช่หนังสือ Animal Farm ด้วยตัวมันเอง แต่เพราะมันเป็นการแสดงว่าโลกที่ลุงอยู่กับโลกที่เราอยู่เป็นโลกคนละใบขนาดไหน

ทำไมถึงพูดอย่างนี้

ถามจริงๆ ในโลกที่อินเตอร์เน็ตอยู่แค่ปลายนิ้ว คนที่ไม่เคยรู้จัก Animal Farm เลยใช้เวลากี่นาทีในการเรียนรู้ว่า Animal Farm พูดถึงอะไรและมันตั้งใจจะเสียดสีอะไร

ถ้าคนทั่วไปที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตสามารถใช้เวลาเซิร์ชหา อ่าน สรุปทำความเข้าใจสารของ Animal Farm ได้เพียงไม่กี่นาที ปัญหาคือทำไมลุงทำไม่ได้

ต่อให้ลุงไม่เซิร์ชอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง แต่ด้วยตำแหน่งที่ลุงอยู่ ลุงสามารถขอให้ใครไปอ่านแล้วสรุปย่อมาส่งก็ยังทำได้ ต่อให้อ่านเพียงเรื่องย่อ ใครๆ ก็พอจะเข้าใจได้ว่ามันเป็นนิทานการเมือง สัตว์เป็นเครื่องมือของผู้ประพันธ์ในการที่จะพูดถึงการเมืองแบบหนึ่ง พอนักข่าวไปถาม แล้วลุงกลับบอกว่า “ไม่อยากให้เชื่อมโยงทุกอย่างเป็นเรื่องการเมือง” มันยิ่งจี๊ดใจเข้าไปอีก สรุปแล้ว ลุงเข้าใจความหมายของ “การเมือง” ว่าอะไรกันแน่

ความหมายของการเมืองของลุงมันต่างจากเราขนาดไหน

สมมุติว่าลุงอ่านจริง แล้วลุงตีความได้ตามนี้จริง

“…สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ คือ แม้คนเราจะอยากได้ทุกสิ่งที่ดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่จะสมหวังทุกอย่าง และไม่มีใครทำให้คนอื่นพอใจได้ทั้งหมดซึ่งเป็นกฎของธรรมชาติ มนุษย์ควรดูแลใส่ใจสิ่งที่อยู่รอบตัวให้ดีรวมถึงสัตว์เลี้ยงในฟาร์มก็ต้องทำให้มีความสุข ทุกชีวิตต้องช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน”

ก็ยิ่งน่าหดหู่เข้าไปอีก เพราะลุงไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัดของเรื่องราวได้ โลกสมัยก่อนอาจต้องการผู้นำแบบนักรบ กำลังเหนือปัญญา แต่โลกสมัยใหม่เราต้องการผู้นำที่อ่านหนังสือแตก มีความคมคาย เพื่อจะไปเจรจาต่อรองกับคนจำนวนมากได้

สมมุติถ้าลุงไม่อ่านจริง ก็อย่างที่บอก ลุง(หรือทีมงานลุง)ไม่มีศักยภาพพอที่จะไปเซิร์ชอินเตอร์เน็ต เพื่อจะทำความเข้าใจว่าโลกเขาเข้าใจว่า Animal Farm มันเป็นภาพแทนของอะไรด้วยซ้ำ

แถมถ้าสมมุติมันเป็นความผิดพลาด เผอิญแนะนำเล่มนี้ไปแล้ว แต่ถ้าลุงเซิร์ชสักนิด ลุงก็จะไม่ตอบอะไรแบบข้อความข้างบนออกมา ลุงอาจจะตอบได้ว่า “เห็นมั้ย หนังสือมันแนะนำว่าเราไม่ควรล้มล้างระบบเก่า เพราะระบบใหม่ที่มาก็อาจจะนำไปสู่ความไม่เท่าเทียมได้เช่นกัน” แต่นี่คือ ลุงไม่เห็นความสำคัญของการจะต้องพูดให้ตรงประเด็น อะไรก็ได้ขอให้ลากเข้าสิ่งที่อยากพูด

หรือหนักกว่านั้นคือ อ่านไม่อ่านก็ไม่รู้ แต่นี่แหล่ะคือที่ฉันเข้าใจ ฉันถูกแล้ว ฉันกำลังทำ The Greater Good อยู่ ฉันจะ delusional ยังไงก็ได้

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็น่าเศร้าโคตรๆ โลกที่เราอยู่และเข้าใจแม่งคนละใบกันเหลือเกิน

By สุดคนึง gen Y