โพล ส.อ.ท.เห็นด้วย56% “120เปิดประเทศ”

  • เผยปัจจัยหลักในการเปิดประเทศอันดับแรก
  • ต้องหาวัคซีนและฉีดให้ประชาชนให้ได้ 70%
  • รัฐต้องเตรียมพร้อมศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน


นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจโพลส.อ.ท.( FTI Poll )ภายใต้หัวข้อ “120 วัน เตรียมความพร้อมเปิดประเทศ” ซ่ึงพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มองว่า การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ควรพิจารณาจากความพร้อมและสถานการณ์ในการควบคุมโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นสำคัญ ซึ่งการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ และมีจำนวนเพียงพอ รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70 % ของประชากรทั้งประเทศ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ภาครัฐจะต้องเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดประเทศ

ท้ังนี้ จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. รวม 201 คน จาก45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 75 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่า ส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับ การเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 56.7 %รองลงมา เห็นด้วยกับเป้าหมายในการเปิดประเทศ ภายใน 120 วัน คิดเป็น31.3 %และมองว่ายังไม่ควรเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะ 3 – 4 เดือนนี้ คิดเป็น9.5 %ส่วนความเห็นที่ต้องการให้เร่งเปิดประเทศให้เร็วกว่าเป้าหมาย คิดเป็น2.5%

สำหรับ ปัจจัยสำคัญที่รัฐบาล จะต้องเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดประเทศ พบว่า 3 อันดับแรก คือจะต้องมีการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ จำนวนเพียงพอ และการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70 %ของประชากรทั้งประเทศ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ คิดเป็น 93.0 %รองลงมา เป็นการกำหนดแผนงานที่ชัดเจน มีระบบการประเมินสถานการณ์ และการสื่อสารที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง คิดเป็น 74.6% และการเตรียมการในส่วนของมาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยว เช่น วัคซีนพาสปอร์ต, ใบรับรองแพทย์ Fit To Fly เป็นต้น คิดเป็น 72.6 %โดยรูปแบบการเปิดประเทศที่ เหมาะสมได้แก่ ทยอยเปิดเป็นบางพื้นที่ตามความพร้อมของจังหวัด คิดเป็น59.2 %รองลงมา การเปิดเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว (Sealed Routes) 34.8 %และลำดับสุดท้ายเป็นการเปิดพร้อมกันทั่วประเทศ คิดเป็น 6.0 %

ขณะที่ประเด็นเรื่อง การกำกับดูแลที่ภาครัฐควรดำเนินการหลังเปิดประเทศ พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การประเมินศักยภาพพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว การจำกัดพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยว และการเดินทางข้ามจังหวัด คิดเป็น 74.1 %รองลงมา การพัฒนาระบบติดตามการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ คิดเป็น72.1% และ การจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกดูแลอนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ คิดเป็น67.2 %

“โพลยัง ยังถามไปถึงกรณีที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังจากการเปิดประเทศ ภาครัฐควรเตรียมแผนสำรองในการรับมือไว้อย่างไร พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน สถานที่กักตัวทางเลือก และโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ คิดเป็น83.1% รองลงมา การนำเข้าวัคซีนที่รองรับเชื้อกลายพันธุ์ และเร่งพัฒนาวัคซีน ที่ผลิตได้เองภายในประเทศ คิดเป็น71.6% และการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรค เช่น ห้ามกิจกรรมที่มีความเสี่ยง การจำกัดพื้นที่ท่องเที่ยว การห้ามเดินทางข้ามจังหวัด คิดเป็น 65.7%”

ขณะที่ ประเด็นความร่วมมือของภาคเอกชน ในการสนับสนุนการเปิดประเทศตามเป้าหมายของภาครัฐ พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การสนับสนุนวัคซีนทางเลือกให้แก่แรงงาน ในสถานประกอบการ คิดเป็น81.1 %รองลงมา การควบคุมดูแลพนักงานในสถานประกอบการ อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ คิดเป็น 80.6% และการพัฒนาสินค้าโดยให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค คิดเป็น51.2%

#Thejournalistclub #เปิดประเทศ#สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย