- หนุนทุกฝ่ายร่วมจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์
- ไม่อยากให้คิดว่าเป็นการซื้อเวลา
- อยากให้ทุกฝ่ายคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมของชาติเป็นที่ตั้ง
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เมื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ชุดก่อนรับหลักการ ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ก็จะมีการบรรจุระเบียบวาระ เพื่อเข้าสู่การลงมติในวาระที่หนึ่ง ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชนหรือไอลอว์ เห็นด้วยที่ควรเอาร่างไอลอว์มาพิจารณารวมกัน เพื่อจะได้มีการพิจารณาไปพร้อมกัน ที่สำคัญจะได้ไม่เป็นปัญหาในเรื่องการตีความข้อบังคับในเรื่องของความซ้ำซ้อน โดยการพิจารณาในวาระที่สองหากมีการพิจารณาไปในคราวเดียวกัน มีคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดเดียวกัน ก็จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการเดินไปในทิศทางเดียวกันได้
“เชื่อว่า ภาคประชาชนก็เห็นด้วย และในวาระหนึ่งเมื่อได้เข้ามาชี้แจงประกอบร่างต่อสภาแล้ว หากมีการรับหลักการเมื่อเข้าสู่การพิจารณาวาระที่สอง ก็จะได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการแสดงความคิดเห็นตามที่กฎหมายกำหนดไว้” นายราเมศ กล่าว
สำหรับในส่วนการเตรียมการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์นั้น สถาบันพระปกเกล้าเป็นสถาบันที่มีผู้ทรงคุณวุฒิ มีผู้เชี่ยวชาญ เชื่อว่าการออกแบบโครงสร้างจะทำให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วม คณะกรรมการชุดนี้สามารถทำงานควบคู่กันไปกับกระบวนการในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ ในการร่วมกันแก้ปัญหา เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ
นายราเมศ กล่าวว่า ไม่อยากให้คิดว่าการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ จะเป็นการซื้อเวลา อยากให้ทุกฝ่ายคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นที่ตั้ง จะทำอย่างไรที่จะใช้โอกาสและเวลาให้มีค่าที่สุด เพราะถ้าวันหนึ่งคณะกรรมการชุดนี้ไม่เป็นไปตามที่หวัง วันนั้นทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องรับผิดชอบ เวลาจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อการออกแบบโครงสร้างเสร็จแล้ว การพูดคุยนอกรอบกับทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความเข้าใจในเจตนารมณ์ของการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ดี เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ก้าวเดินไปสู่จุดหมายเดียวกัน อยากให้ทุกฝ่ายช่วยคิดเพื่อหาทางออกให้ประเทศ ถ้าไม่ช่วยกันก็จะมีแต่ทางตันที่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้ก็ต้องติดตามถึงโครงสร้างของคณะกรรมการสมานฉันท์ต่อไป
