โควิด-19 ออกฤทธิ์ ทำมหาวิทยาลัยในอังกฤษเจ็บระนาว สูญรายได้อย่างหนัก

  • ชี้ปิดเมืองช่วง มี.ค. สร้างความสูญเสีย 3.2 หมื่นล้านบาท
  • รายได้จากนักศึกษาต่างชาติที่จ่ายแพงกว่านักศึกษาในประเทศลดลง
  • คาดปีการศึกษา 2563-64 จะมีนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนลดลง 47%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันนโยบายการศึกษาขั้นสูง เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยในอังกฤษกำลังถูกกดดันอย่างสาหัสจากวิกฤติโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ระบาดอยู่ขณะนี้ ขณะที่ยูนิเวอร์ซิตียูเค องค์กรตัวแทนมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรเผยว่า การปิดเมืองทำให้มหาวิทยาลัยต้องปิดตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. ซึ่งสร้างความสูญเสีย 790 ล้านปอนด์ (ราว 32,250 ล้านบาท) สถานการณ์ในปีการศึกษาหน้าอาจเลวร้ายว่านี้ หากนักศึกษาต่างชาติที่จ่ายค่าเล่าเรียนสูงกว่านักศึกษาในประเทศไม่กลับมาเรียน ผลกระทบจะรุนแรงมาก

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ยูนิเวอร์ซิตียูเค ได้ขอให้รัฐบาลจัดสรรความช่วยเหลือมูลค่า 2,000 ล้านปอนด์ (ราว 81,660 ล้านบาท) ไม่เช่นนั้นบางสถาบันจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ หรืออาจถึงขั้นต้องปิดตัว ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการแถลงว่ามหาวิทยาลัยมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือฉุกเฉินของรัฐบาล เช่น ให้รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนเพื่อเลี่ยงการเลิกจ้าง

สำหรับประเทศอังกฤษเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับสองของนักศึกษาต่างชาติ รองจากสหรัฐฯ นักศึกษาหนึ่งในห้าคนในปีการศึกษา 2561-2562 เป็นชาวต่างชาติ โดยมีทั้งหมด 485,645 คน ในจำนวนนี้เกือบ 343,000 คนมาจากนอกสหภาพยุโรปหรืออียู โดยมาจากจีนถึง 120,385 คน โดยนักศึกษาต่างชาติต้องจ่ายค่าเล่าเรียนสูงเป็นสองเท่าของนักศึกษาอังกฤษหรืออียู ที่จ่ายปีละ 9,250 ปอนด์ (ราว 377,635 บาท)

ทั้งนี้บริษัทที่ปรึกษาลอนดอนอีโคโนมิกส์ได้ออกรายงานเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่า ปีการศึกษา 2563-2564 จะมีนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนชั้นปีหนึ่งลดลง 47% เทียบจากปี 2561-2562 โดยจะกระทบค่าเล่าเรียน ที่ปกติแล้วมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรจะได้รับปีละ 6,000 ล้านปอนด์ (ราว 244,870 ล้านบาท) ซึ่งจะมีผลต่อการจ้างงานโดยตรง 30,000 ตำแหน่ง และโดยอ้อมอีกกว่า 32,000 ตำแหน่ง บางวิชาอาจต้องยกเลิก เพราะอยู่ได้ด้วยนักศึกษาต่างชาติเท่านั้น งานวิจัยจะถูกกระทบเพราะทุนวิจัยหนึ่งในสี่มาจากค่าเล่าเรียนของนักศึกษาต่างชาติ