- แมตช์คุณภาพชิงที่สามฟุตบอลโลก
- โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการฟุตบอล
- เป็นทีมแรกของแอฟริกาที่เข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ศึกฟุตบอลโลก 2022 คู่ชิงที่ 3 ที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดียม ประเทศกาตาร์ ตาหมากรุก “โครเอเชีย” พบ สิงโตแอตลาส “โมร็อกโก” ซึ่งทั้งคู่เคยพบกันมาแล้วในนัดเปิดสนามของรอบแบ่งกลุ่ม ที่กลุ่มเอฟ
เกมนี้โครเอเชียยังคงนำมาโดย กัปตันทีมจอมเก๋า ลูก้า โมดริช, มาเตโอ โควาซิช และยอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่ฟอร์มโดดเด่นมากในทัวร์นาเมนต์นี้
ส่วนม้ามืดโมร็อกโก นำทัพมาโดยฮาคิม ซิเย็ค และโซฟิยาน บูฟาล ทางด้านซ้าย ที่ฟอร์มดีสุด ๆ ในบอลโลกหนนี้
เกมเริ่มมาได้ไม่นาน โครเอเชียก็ได้ประตูขึ้นนำเร็ว 1-0 จากลูกฟรีคิกที่เล่นลูกสูตร อิวาน เปริซิช โหม่งชงไปให้ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล วิ่งเข้ามาโขกเน้น ๆ ส่งบอลเบียดเสาเข้าประตูไปในนาทีที่ 7 เท่านั้น
ถัดมาเพียง 2 นาที โมร็อกโกก็มาได้ประตูคืนอย่างรวดเร็วจากลูกฟรีคิกเช่นกัน ซึ่งผู้เล่นโครเอเชียโหม่งสกัดพลาด และเป็นอัชราฟ ดารี ที่โขกบอลเข้าไปในนาทีที่ 9 ทำให้สกอร์กลับมาเป็น 1-1 เริ่มเกมได้อย่างสุดมันสมกับเป็นนัดสุดท้ายที่ไม่มีอะไรจะเสีย
หลังจากนั้นดูจะเป็นโครแอตที่มีโอกาสได้ลุ้นอยู่เป็นระยะ โดยลูก้า โมดริช ได้ลากเลื้อยและปั่นด้วยซ้าย แต่ยาสซีน โบโน ยังป้องกันเอาไว้ได้ในนาทีที่ 24
ด้านโมร็อกโกก็มีจังหวะบุกสวนที่น่ากลัวนาน ๆ ครั้ง เพียงแต่ยังจบไม่ได้ในช่วงผ่าน 30 นาทีแรกของเกมจังหวะที่ได้ลุ้นของโมร็อกโกมาจากลูกเตะมุมในนาทีที่ 37 เป็น ยูสเซฟ เอ็น-เนเซรี่ ได้ขึ้นโขก แต่บอลผ่านหน้าปากประตูออกไปอย่างน่าเสียดาย
ก่อนหมดช่วงครึ่งเวลาแรก ทีมตาหมากรุกขึงบุกอยู่นาน เป็นฝั่งโมร็อกโกที่เตะสกัดกันไม่ขาด ทำให้โครแอตมาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 สุดสวย ในนาทีที่ 42 จาก มิลาส ออร์ซิช ที่บรรจงวางเท้าปั่นจากทางซ้าย บอลโค้งเช็ดเสาเข้าประตูไป ดีเกินกว่าที่ ยาสซีน โบโน จะป้องกันได้ และจบครึ่งเวลาแรกด้วยสกอร์นี้
ขณะที่ครึ่งหลัง สองทีมทำอะไรกันไม่ได้ โดยเฉพาะโมร็อกโก ที่บุกหนัก ทำให้จบเกม โครเอเชียคว้าที่สามไปครอง ส่วนโมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการฟุตบอล เป็นทีมแรกของแอฟริกาที่เข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย กลับบ้านอย่างภาคภูมิใจเช่นกัน