“แอสเสท เวิรด์” ชู 3 กลยุทธ์เสริมแกร่งรับเทรนด์การเติบโตสังคมเมือง

  • แอสเสทเวิรด์คอร์ปอเรชั่นเปิด3 กลยุทธ์หลัก เสริมความแกร่งกลุ่มธุรกิจรับ
  • รับเทรนด์การเติบโตของเมืองผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

นางวัลลภาไตรโสรัส  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทแอสเสทเวิรด์คอร์ปจำกัด(มหาชนหรือAWCเปิดเผยว่ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ของบริษัทประกอบด้วยกลุ่มใหญ่คืออสังหาริมทรัพย์   เพื่อประกอบกิจการการค้า(Retail and Wholesale) และอาคารสำนักงาน(Office) ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์  ที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งแต่ละโครงการมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายซึ่งเพิ่มศักยภาพและสามารถนำเสนอมูลค่าได้อย่างที่ชัดเจน

ในปี2561 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยมีสูงเป็นอันดับที่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงที่จำนวน38.3 ล้านคนอีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคนต่อวันในประเทศไทยที่สูงถึง5,684 บาทรวมทั้งการค้าเพื่อการพาณิชย์ทั้งการค้าปลีกและค้าส่งเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญคิดเป็น15.8% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพีและมีมูลค่าสูงเป็นอันดับรองจากภาคการผลิตประกอบกับการขยายตัวของเมืองยังคงมีแนวโน้มสูงต่อเนื่องโดยที่องค์การสหประชาชาติได้ประมาณการว่าอัตราการอยู่อาศัยในเมืองจะเพิ่มขึ้นจากร49.9 %ในปัจจุบันเป็น58.4% ในปี2573 และ69.5%ในปี2593 และอัตราพื้นที่ว่างของอาคารสำนักงานในช่วงสิ้นปี2561 อยู่ที่ร้อยละ6.2 แนวโน้มเหล่านี้สะท้อนให้เห็นโอกาสในการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประกอบกิจการการค้าและอาคารสำนักงานได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้เพื่อสร้างโอกาสกับแนวโน้มดังกล่าวบริษัทได้วางกลยุทธ์ที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาและขยายตัวของธุรกิจไว้ด้านได้แก่การตอบรับความต้องการทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้คนในบริเวณโดยรอบโครงการภายใต้Barbell Strategyซึ่งเป็นการสร้างสมดุลระหว่างโครงการหลากหลายประเภทเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันอาทิโครงการเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าที่เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในชุมชนหรือบริเวณที่มีความหนาแน่นของโครงการที่อยู่อาศัยสูงรวมถึงอยู่ใกล้ศูนย์กลางการขนส่งเช่นโครงการเกทเวย์แอทบางซื่อซึ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้พักอาศัยที่อยู่ในรัศมีกิโลเมตรซึ่งมีคอนเซ็ปต์ในการตอบโจทย์การสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ด้วยพื้นที่F&B and Attractions ที่มากกว่า50% ของโครงการ

กลยุทธ์ที่คือการวางคอนเซ็ปต์โครงการที่ไม่เหมือนใครทำให้บริษัทสามารถเปิดโครงการใหม่เพื่อสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ยังไม่มีโครงการในตลาดที่ตอบโจทย์อาทิโครงการเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ซึ่งเป็นโครงการแรกที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ยถึง50,000 คนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์โดยในอนาคตเรายังมองถึงการประสานศักยภาพภายในบริษัทด้วยการมุ่งไปที่โอกาสการพัฒนาโครงการประเภทมิกซ์ยูส 

กลยุทธ์ที่การบริหารจัดการโครงการและผู้เช่าอย่างมีประสิทธิภาพทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมีกระแสเงินสดที่เติบโตอย่างมั่นคงสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าและบริษัทที่เช่าพื้นที่สำนักงานและลูกค้าทั่วไปสำหรับโครงการอาคารสำนักงานโดยการคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีความหลากหลายและให้บริการหรือสินค้าที่เติมเต็มความต้องการได้อย่างดีตลอดจนการให้บริการที่ดีแก่ผู้เช่าพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจ 

 “จุดแข็งที่ทำให้กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องที่สำคัญคือการที่มีโครงการที่หลากหลายประเภทและกว่า90%เป็นโครงการที่บริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเองการมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญความสามารถในการใช้ประโยชน์จากบริษัทในเครือเช่นการบริหารต้นทุนและการพัฒนาโครงการต่างๆ

นายลิมวีชาน  หัวหน้าคณะกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์กล่าวว่าจากการวางตำแหน่งทางธุรกิจที่ชัดเจนของแต่ละโครงการและการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องทำให้กลุ่มธุรกิจนี้ มีความแข็งแกร่งและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมีรายได้4,000 ล้านบาทในปี2561  และมีEBITDA เท่ากับ2,437 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราEBITDA เท่ากับ48 % สำหรับปีบัญชีสิ้นสุดวันที่31 ..2562

สำหรับกลุ่มRetail and Wholesale มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิ(NLA) เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก122,130 ตารางเมตรในปี2560 เป็น198,781 ตารางเมตรในเดือนมี..2562 จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วแห่งได้แก่เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์เกทเวย์แอทบางซื่อพันธุ์ทิพย์พลาซ่าประตูน้ำพันธุ์ทิพย์พลาซ่างามวงศ์วานพันธุ์ทิพย์พลาซ่าเชียงใหม่ลาซาลอเวนิวตะวันนาบางกะปิโอ.พี.เพลสแบงค็อกและเกทเวย์เอกมัยซึ่งเป็นโครงการภายใต้สัญญาบริหารโครงการและบันทึกข้อตกลงปี2562 เพื่อการข้าลงทุนในโครงการดังกล่าว(โดยมีพื้นที่เช่าสุทธิ33,153 ตารางเมตรและมีโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่อีกแห่งวันที่31 มี..2562

ส่วนกลุ่มอาคารสำนักงานมีทั้งสิ้นโครงการรวมพื้นที่เช่า(NLA) 270,594 ตารางเมตรได้แก่อาคาร  เอ็มไพร์ทาวเวอร์ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานแบบมิกซ์ยูสเกรดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯเมื่อพิจารณาจากพื้นที่เช่าสุทธิโดยมีพื้นที่มากที่สุดถึง158,021 ตารางเมตรตั้งอยู่ในใจกลางเมืองใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสช่องนนทรีประกอบด้วยกลุ่มอาคารอาคารสูง58 ชั้นแอทธินีทาวเวอร์ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานระดับA+ มีการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูงมากและสามารถเชื่อมต่อไปยัง    The Athenee Hotel, A Luxury Collection Hotel, Bangkok ได้อาคาร208 วายเลสโร้ดทาวเวอร์และอาคารอินเตอร์ลิ้งค์ทาวเวอร์โดยภาพรวมแล้วอาคารสำนักงานทั้งโครงการของบริษัทมีอัตราการเช่าพื้นที่ในระดับสูงเช่นอาคาร208 วายเลสโร้ดมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่92% และแอทธินีทาวเวอร์มีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง94% วันที่31 มี..2562

สำหรับในอนาคตเราจะยังคงพัฒนาโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับความต้องการ  ที่เปลี่ยนแปลงไปโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลในการวิเคราะห์ข้อมูลการสร้างช่องทางใหม่ๆในการทำธุรกิจและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค