“แอตต้า”ร้องรัฐบาลเปิดประเทศให้คนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้าไทยไม่ต้องกักตัว เริ่มต้นเดือนมิ.ย.นี้

  • เปิดตัวเลขรายเดือนให้เห็นหากทำตามแผนนี้
  • มั่นใจสร้างรายได้เข้าประเทศ 5 แสนล้านบาท
  • กรณีรัฐเริ่มช้าเกินไปจะสะดุดหลุดเป้า

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดไทม์ไลน์การเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวให้ชัดเจนว่าจะเปิดให้ชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัวเมื่อใด ภายในสัปดาห์นี้จะส่งหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งต้องการให้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้เป็นต้นไป เพื่อให้ในปี 2564 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8 ล้านคน สร้างรายได้การท่องเที่ยว 500,000 ล้านบาท จะช่วยหนุนการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ของปีนี้ได้ถึง 4% ตามที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานตั้งเป้าหมายไว้

“ภาคเอกชนไม่อยากเป็นภาระให้รัฐบาลเยียวยาเป็นระยะเวลานาน และมองว่าวัคซีนเป็นทางรอด ทางออกและความหวังของการท่องเที่ยวไทย ตอนนี้คนทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 250 ล้านคน และภายในครึ่งปีแรกจะมีคนทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีน 1,000 ล้านคน หลายๆ ประเทศจะมีการฉีดเกิน 50% ของประชากร ทำให้ตอนนี้ทั่วโลกเขามองเรื่องการท่องเที่ยวแบบไม่กักตัวกันแล้ว ต่อไปคำว่ากักตัวจะเหลือน้อยมาก แอตต้าจึงอยากร้องขอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาโดยเร็ว อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ทั้งนักลงทุน นักท่องเที่ยว รวมถึงกลุ่มอื่นๆ เดินทางเข้าไทยแบบไม่กักตัวได้ และมีมาตรการควบคุมเพิ่มได้ เช่น การสวอปหาเชื้อเพิ่มอีก 1 ครั้งเมื่อเดินทางถึงไทย และมีแอปพลิเคชั่นติดตามตัว”

สำหรับข้อเสนอให้เริ่มเปิดประเทศสำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้วโดยไม่ต้องกักตัว ในช่วงเดือนแรก มิ.ย.จะเริ่มมีต่างชาติเข้ามา 200,000-300,000 คน ก่อนจะทยอยเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ค.เดินทางเข้ามา 500,000 คน จากนั้น เดือน ส.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 800,000 คน เดือน ก.ย. 1 ล้านคน เดือน ต.ค. 1.5 ล้านคน เดือน พ.ย. 2 ล้านคน และเดือน ธ.ค.เข้ามามากถึง 2.5 ล้านคน รวมเป็น 8.3 ล้านคน แต่ถ้าเริ่มเปิดประเทศล่าช้าเป็นเดือน ก.ค. รายได้จะหายไปร่วม 200,000 ล้านบาท และมีต่างชาติเข้ามา 6 ล้านคน ส่วนกรณีเปิดในเดือนต.ค.จะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ไม่เกิน 3 ล้านคน เพราะเมื่อเริ่มเปิดประเทศ ต้องใช้เวลา 3-6 เดือนกว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาเป็นปกติ

นอกจากนั้น การจะเริ่มเปิดประเทศเมื่อใด จะต้องแจ้งล่วงหน้า3 เดือน หากตัดสินใจเปิดประเทศในเดือน มิ.ย.นี้ ก็ต้องแจ้งล่วงหน้าภายในเดือน เม.ย.นี้ เพื่อเอกชนจัดเตรียมสินค้าท่องเที่ยวและเริ่มการขาย พร้อมติดต่อกับสายการบิน ตลอดจนตามแรงงานที่กลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัดได้กลับมาทำงาน หลังจากประเทศไทยไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเกือบ 1 ปี รายได้การท่องเที่ยวหาย 2 ล้านล้านบาท ส่วนทิศทางในอนาคตคาดว่าต้องจะใช้เวลา 3 ปีจากนี้จนถึงปี 2566 ท่องเที่ยวถึงจะฟื้นตัวกลับมา 100% เท่าปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 หรือดีกว่าด้วยซ้ำ โดยปี 2564 จะฟื้นตัว 15-20% หรือคิดเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6-8 ล้านคน ขึ้นกับว่าจะเริ่มเปิดประเทศเดือนไหน ส่วนปี 2565 คาดจะฟื้นตัว 70% จากปี 2562

“แรงงานภาคท่องเที่ยวที่เคยมีอยู่ 4 ล้านคน ปัจจุบันตกงาน 1 ล้านคน และอีก 2 ล้านคน ต้องหยุดงาน ลาหยุดแบบไม่ได้รับค่าจ้าง และสลับชั่วโมงการทำงาน ขณะที่กลุ่มที่ยังทำงานเต็มเวลามี 1 ล้านคน แต่ถ้าเปิดประเทศ แรงงานภาคท่องเที่ยวก็จะทยอยกลับมาทำงานแบบเต็มเวลา 1 ล้านคน ทั้งจากกลุ่มที่ต้องหยุดงานชั่วคราว และกลุ่มตกงานถาวรซึ่งจะได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม ห้องอาหาร การบิน มัคคุเทศก์ และพนักงานที่ให้บริการตามแหล่งท่องเที่ยว”