แดรี่ควีน เผยกลยุทธ์ร้านรูปแบบใหม่ DQ Lounge นั่งทานในร้านได้ดันยอดขายเติบโตถึง 20%

  • DQ Lounge ขยายไลน์สินค้ากลุ่มขนมหวานเบเกอรี่และเครื่องดื่ม
  • เพิ่มยอดใช้จ่ายต่อหัวขึ้นอีก 20 บาท ดันธุรกิจเติบโต20%
  • ตั้งเป้าขยาย 10 สาขาในปีแรก

นายธนกฤต กิตติพนาชนม์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ดีคิว จำกัด บริษัทในเครือ ไมเนอร์ กรุ๊ป ผู้ดำเนิน “แดรี่ควีน“ ผู้นำตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เปิดคัวกลยุทธ์ใหม่ เป็น The Most Favorite Treat Restaurant in Thailand ผู้นำตลาดของหวานในประเทศไทย  ไม่จำกัดเพียงแค่ไอศกรีมแต่จะมีเบเกอรี่และเครื่องดื่มเพิ่มเติมขึ้นมา จึงเป็นที่มาของคอนเซปท์ร้านรูปแบบใหม่ล่าสุด “DQ Lounge” จะมีความพิเศษจากเดิมคือมีพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น สามารถนั่งรับประทานที่ร้านได้ มีสินค้าเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น

ทั้งนี้ DQ Lounge สาขาแรก ตั้งอยู่ในห้างเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ชั้น G มาพร้อมขนาดพื้นที่ทั้งหมด 40 ตารางเมตร โดยพื้นที่ร้านจะแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนการให้บริการที่ลูกค้าสามารถเลือกสั่งเมนูต่าง ๆ และจุดเด่นคือมีเมนูสุดพิเศษที่มีจำหน่ายเฉพาะที่สาขานี้เท่านั้น ได้แก่ ของหวานกลุ่มเบเกอรี่ อาทิ บราวนี่  โทสต์ และ พาร์เฟต์ ที่รวมถึงการนำผลไม้สดเกรดพรีเมียมมาใช้เป็นที่แรก ตลอดจนการมีเมนูท๊อปปิ้งที่ผู้บริโภคสามารถสั่งเพิ่มลงในเมนูปกติได้ เช่น กล้วย เลดี้ฟิงเกอร์ โอริโอ้ เป็นต้น ระดับราคาตั้งแต่ 79-129 บาท เพิ่มเติมจากร้านในรูปแบบคัออสที่ราคาเริ่มต้น 12-499 บาท

ในขณะที่อีก 50% ของพื้นที่ร้านจะเป็นในส่วนโซนโต๊ะและที่นั่งสำหรับรองรับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถนั่งพักและเพลิดเพลินไปกับเมนูต่าง ๆ ของแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากร้านเปิดให้บริการพบว่าตั้งเป้าช่วยเพิ่มยอดขายให้เติบโตมากขึ้นถึง 15% แต่เมื่อทดลองเปิดร้านประมาณหนึ่งเดือนพบว่ายอดขายเติมโตขึ้น 20% และยอดการใช้จ่ายต่อคนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยคนละ 20 บาท จากร้านค้าในรูปแบบคีออสที่ซื้อแล้วเดินกิน

ในปีนี้ตั้งเป้าจะขยาย DQ Lounge 10 สาขา จะอยู่ในศูนย์การค้าชั้นนำในกรุงเทพก่อน สาขาที่สองจะเปิดที่ฟิวเจอร์พาร์คปัจจุบันแดรี่ควีน มีร้านค้าในรูปแบบคีออสกว่า 500 สาขา พร้อมตั้งเป้าจะขยายเป็น 1,000 สาขาภายใน 5 ปี ในรูปแบบของการลงทุนเองและแฟรนไชส์ในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง

“ปัจจุบันธุรกิจของแดรี่ควีนในรูปแบบของคีออสยังเติบโตในระดับตัวเลขสองหลัก ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีแนวโน้การเติบโตในอนาคตอีกไกล กาเรป็นผู้นำในตลาด มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการบริหารและการวางแผนที่เป็นระบบทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเรายังมีการเติบโตอยู่ ซึ่งป็นการตอกยำการเป็นเบอร์ 1 ของไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟไทย และแบรนด์ขนมหวานพรีเมียมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
ทุกสไตล์ อร่อยได้ในทุกโอกาส”