เอสซีจี อัดงบลงทุนปีนี้ 6.5 -7.5 หมื่นล้าน

  • ต่อยอดโครงการเดิม ปิโตรเคมีในเวียดนาม
  • รุกธุรกิจนวัตกรรม – การแพทย์
  • ยอมรับโควิดกระทบธุรกิจก่อสร้าง

 นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า ในปีนี้ เอสซีจี ได้ตั้งงบลงทุน 65,000 -75,000 ล้านบาท เทียบจากปี ที่ผ่านมาที่ มีแผนใช้งบลงทุน 60,000 ล้านบาท แต่ใช้จริงอยู่ที่ 58,000 ล้านบาทถือว่าใกล้เคียงกับแผนที่ตั้งไว้ และปีนี้ก็ได้ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 5-10%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยจะเน้นใช้เงินลงทุนในโครงการต่อเนื่อง ที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วอาทิ การลงทุนในโครงการปิโตรเคมีครบวงจร ที่ประเทศเวียดนามประมาณ 50% ของงบลงทุนที่ตั้งไว้ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้ว 70% คาดว่า ในปี2566จะเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้รวมทั้งยังมีแผนลงทุนในธุรกิจแพคเกจจิ้งและธุรกิจวัสดุก่อสร้างและปูนซิเมนต์

สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อการอุปโภคและบริโภค ของประชาชน เช่น การท่องเที่ยวที่เดิมกำลังจะฟื้นตัวพอเจอโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ธุรกิจเงียบลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจยังลดลง ดังนั้นภาครัฐและภาคธุรกิจ ควรร่วมมือกันประคับประคองให้ธุรกิจผ่านพ้นสถานการณ์ในช่วงนี้ไปได้ และผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง ในส่วนโครงการใหม่ๆของภาคเอกชน ได้ชะลอตัวชัดเจนตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3-4 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน และจะชะลอตัวต่อเนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ระลอกใหม่ทำให้ ในส่วนของการลงทุนภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับบ้านอยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ ยังต้องรอความเชื่อมั่นและหวังว่าจะเห็นการกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ก็จะมีการขยายการลงทุนเพิ่ม ส่วนธุรกิจปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ คาดว่าจะฟื้นตัวดีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้หากโควิด-19คลี่คลาย ขณะที่ ธุรกิจเคมิคอลส์ได้มีการต่อยอดธุรกิจปลายน้ำและกลุ่มธุรกิจใหม่ ๆเพื่อเพิ่มความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์ และความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ เช่น เร่งพัฒนาโซลูชันด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ทั้งการผลิตเม็ดพลาสติกจากขยะชุมชน และโรงงานสาธิตกระบวนการรีไซเคิลทางเคมี ที่ได้ร่วมกับสตาร์ทอัพ มีกำลังผลิต 4,000ตันปี โดยใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนพลาสติกใช้แล้วเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับโรงงานปิโตรเคมี รวมทั้งจะมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนำเข้ามาเสริมและพัฒนาธุรกิจ เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม เรื่องความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน จะส่งเสริมกลุ่มบ้านอยู่อาศัย แลอุปกรณ์ทางการแพทย์

สำหรับผลการดำเนินงานของเอสซีจีปีที่ผ่านมาพบว่า มีรายได้จากการขาย 399,939 ล้านบาท ลดลง 9 %จากปีก่อน จากราคาและปริมาณขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง และมีกำไร 34,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 %จากปี2562 เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทุกๆธุรกิจ และจ่ายเงินปันผลประจำปีที่ผ่านมา ในอัตราหุ้นละ 14.0 บาท รวมเป็นเงิน 16,800 ล้านบาท แบ่งเป็นจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วในอัตราหุ้นละ 5.5 บาท และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกหุ้นละ 8.5บาท