“เอพี ไทยแลนด์” เผยธุรกิจอสังหาฯปีหนูทอง เข้าสู่โหมดความท้าทาย-การปรับตัว

  • ชี้ต้องเตรียมรับมือให้ดี พร้อมเผชิญปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบ
  • เผยที่อยู่อาศัยยุคนี้จะเน้นสร้างแบบง่ายๆขายเร็วๆ คงไม่รอด
  • ต้องเจาะลึกถึงความต้องการของลูกค้าในทำเลนั้น รวมถึงทำราคาให้แข่งขันในตลาดได้
  • ล่าสุดผุดโครงการใหม่ “ริธึ่ม เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน” เจาะตลาดโซนเจริญกรุง
  • วอนรัฐเคาะมาตรการเรื่องภาษีที่ดินให้ชัดเจน เพื่อการวางแผนทาธุรกิจต่อไป

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 คาคส่าจะเติบโตทรงตัว ภาพรวมคงไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา โดยในประเภทคอนโดมิเนียมในปีนี้ ถือว่าเป็นปีแห่งความท้าทาย การปรับตัว ที่ผู้ประกอบการจะต้องรับมือให้ดี วางแผนธุรกิจให้รอบคอบ ทั้งการเลือกทำเลให้มีความเหมาะสมกับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค โดยจากการวิเคราะห์และเก็บข้อมูลของบริษัท พบว่าเรื่องของราคาขายก็มีส่วนอย่างมากในการตัดสินใจซื้อ โดยปีนี้บริษัทตั้งราคาคอนโดฯที่จะพัฒนาไม่ควรจะเกิน 180,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) 

วิทการ จันทวิมล

ทั้งนี้การเลือกพัฒนาโครงการในระดับราคานี้ เพราะเป็นกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อในตลาด ซึ่งเดิมทีหากย้อนไปเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา กลุ่มคอนโดมิเนียมระดับอัลตร้า ลักชัวรี ราคา 300,000 บาทขึ้นไปต่อ ตร.ม. จะเป็นอะไรที่ฮอตฮิตในตลาดมาก ซึ่งมาวันนี้กลุ่มนี้เริ่มถึงจุดอิ่มตัว ทำให้ผู้ประกอบต้องมองหาตลาดใหม่ นำเสนอความต่างที่ลงตัวแก่ลูกค้า

“ท่ามกลางความท้าทายของตลาดคอนโดมิเนียม บริษัทได้มีการปรับแผนธุรกิจ เดินเกมด้วยกลยุทธ์รบยาวตั้งแต่ปีก่อน โดยปัจจัยทำเลและแพ็คเกจราคาขายที่จับต้องได้ยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น วิธีคิดและกระบวนการออกแบบถือเป็นเรื่องสำคัญมาก หมดเวลาการทำงานแบบเหมารวมเป็นโลเคชั่น แต่ต้องเจาะให้ลึกถึงดีมานด์จริงของที่ดินแต่ละแปลง” นายวิทการ กล่าว

นายวิทการ กล่าวว่า ในเรื่องของมาตรการกำหนดอัตราสินเชื่อต่อมูลค่าที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) ก็มีผลกระทบต่อตลาดคอนโดมิเนียมอยู่บ้าง รวมถึงในส่วนของกฏระเบียบที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.เรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็อยากให้ภาครัฐกำหนดแนวทางมาให้ชัดเจน เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนธุรกิจของผู้ประกอบการต่อไป 

ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทได้เดินหน้าเปิดตัวโครงการ “ริธึ่ม เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน” คอนโดมิเนียมลักชัวรีวิวแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท จำนวน 421 ยูนิต บนพื้นที่ 4 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 155,000 บาทต่อตร.ม. โดยเป็นโครงการร่วมทุนอันดับที่ 18 กับมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนท์ 

สำหรับแบบห้องมีให้เลือกทั้ง 1 ห้องนอน ขนาด 35-43.5 ตร.ม., แบบ 2 ห้อง ขนาด 75.5-128.5 ตร.ม., แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 134-159 ตร.ม. และแบบ 4 ห้องนอน ขนาด 184-228 ตร.ม. โดยโครงการ ริธึ่ม เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน แห่งนี้ เน้นเจาะตลาดกลุ่มครอบครัว และกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย หรือกลุ่มนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ โดยขณะนี้ทำยอดขายได้แล้ว 42% โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี 2565

อย่างไรก็ตามจากการเก็บข้อมูลของทีมวิเคราะห์ของบริษัท พบว่าภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมติดถนนใหญ่ บนถนนเจริญกรุง ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ทำเลย่านนี้มีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นเพียงแค่ 4 โครงการ เนื่องด้วยมีข้อจำกัดของเรื่องที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการ หากคิดเป็นจำนวนยูนิตอยู่ที่ 1,120 ยูนิต แบ่งเป็นกลุ่มอัลตร้าลักชัวรี่ ระดับราคา 300,000 บาทต่อตร.ม. 1 โครงการ จำนวน 355 ยูนิต มียอดขายรวม 80% กลุ่มลักชัวรี่ ที่ระดับราคา 150,000-190,000 บาทต่อตร.ม. 3 โครงการ จำนวน 765 ยูนิต โดยทั้งหมดมียอดขายรวม 94% อีกทั้งทำเลโซนนี้หากเป็นการปล่อยเช่าสามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าระยะยาว 6-7% ซึ่งจากที่กล่าวมา ก็ทำให้บริษัทมั่นใจว่าโครงการ ริธึ่ม เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน จะได้รับการตอบรับที่ดี