

- แต่ขอให้รัฐสนับสนุนลดค่าใช้จ่าย-ลดหย่อนภาษี
- ยันเห็นด้วยใช้แอป”หมอชนะ” ลดความเสี่ยงติดเชื้อ
- พร้อมร่วมมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัว
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัญหาการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของแรงงานต่างด้าวที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ใหญ่มาก ควรต้องรีบตรวจและแยกคนที่ติดเชื้อ คนที่มีความเสี่ยง และคนที่ยังไม่ติดเชื้อออกจากกัน ซึ่งการตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบไม่มีแผนรองรับที่ชัดเจนจะเกิดปัญหาตามมา โดยภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา และมีข้อเสนอแนะคือ ควรตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อร่วมกันวางแผนระยะยาว ในการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ รวมถึงการสื่อสาร และแถลงข่าวต้องบริหารจัดการข้อมูลให้เป็น single message เพราะส่งผลกับความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือของข้อมูล ไม่ให้ประชาชนสับสน
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการหลายรายในสมุทรสาคร มีศักยภาพที่จะบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวด้วยตนเอง ตั้งแต่การตรวจผู้มีเชื้อ ทั้งแบบ rapid test และ PCR ดังนั้น ภาครัฐควรเร่งอนุมัติการตรวจ rapid test ว่าแบบใด สามารถรับรองผลตรวจได้ ส่วนการกักพื้นที่ในเขตควบคุม local quarantine จนกระทั่งมีภูมิต้านทานนั้น ควรดูแลผู้ติดเชื้อและผู้มีความเสี่ยง ตามประเภทของชุมชนและอัตราการติดเชื้อ หลังจากการตรวจเชิงรุกตามชุมชน เมื่อตรวจพบผู้ติดเชื้อต้องหาสถานที่แยกกักตัว เพื่อลดการแพร่เชื้อ และการติดเชื้อซ้ำ เช่น การแบ่งแยกชั้นการพักอาศัย หรือจำกัดบริเวณชัดเจนในที่พักอาศัย เป็นต้น ซึ่งภาครัฐควรช่วยสนับสนุนค่าตรวจ หรือใช้มาตรการลดหย่อนทางภาษีให้ผู้ประกอบการ
ขณะที่มาตรการป้องกันควบคุมการแพร่เชื้อของแรงงานต่างด้าวนั้น ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้ออย่างถาวร โดยภาครัฐควรมีมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้เอกชนมีส่วนร่วมในการฉีดวัคซีนสำหรับแรงงานต่างด้าว
“ส่วนการที่ภาครัฐขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกัน ใช้แอพลิเคชั่น หมอชนะ นั้น เห็นว่าจะช่วยให้ติดตามผู้มีความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังลดการกรอกเอกสารหากการเดินทางในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพราะสามารถติดตามผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อแบบอัตโนมัติได้ หากไปยังสถานที่เสี่ยงหรือพบปะผู้มีความเสี่ยง ซึ่งประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถใช้วิธีอื่นในการบันทึกได้ โดยภาคเอกชนพร้อมร่วมมือกับภาครัฐ และหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมกับขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัวอย่างยั่งยืน”