

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ต.ค.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก : Yong Poovorawan โดยมีเนื้อหาน่าสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ “โควิด-19” ระบุว่า…
โควิด 19 ระยะฟักตัวของโรค กับ การกักกันป้องกันการติดเชื้อ
ระยะฟักตัวของโรคส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 2 ถึง 7 วัน ส่วนน้อยจะอยู่ที่ 7-14 วัน และส่วนน้อยมากๆจะอยู่ในสัปดาห์ที่ 3 คือ15 ถึง 21 วัน ดังแสดงในรูป
การกักกันตัว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ โควิด 19 จึงขึ้นอยู่กับสภาวะและสถานการณ์ต่างๆ เช่น ในประเทศจีน ไม่ต้องการให้มีเชื้อเลยแม้แต่รายเดียว จีนก็จะใช้มาตรการเต็มที่ในการกักกัน ถึง 21 วัน เพื่อไม่ให้เชื้อ โควิด 19 รอดออกมาได้ จีนเป็นประเทศที่พึ่งพาตัวเอง และมีเศรษฐกิจเป็นบวก ถึงแม้จะปิดประเทศ
ประเทศไทยเรายังถือเอา 14 วัน เพราะว่าส่วนใหญ่ก็สามารถควบคุมได้ดีแล้ว ทางตะวันตกที่มีการระบาด บางแห่งถ้ามีมาตรการวินิจฉัยอย่างดี ก็จะเอาที่ 7 วัน และบางแห่งก็ไม่ต้องมีการกักกันตัวเลย เช่น คนไทยจะไปอังกฤษ ก็ไม่จำเป็นต้องถูกกักกันตัวเพราะถือว่ามาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ
การจะกักกันควบคุมกี่วัน ยังมีเหตุปัจจัยอื่นๆ เข้ามาประกอบ เช่น ถ้าเรามั่นใจว่าเดินทางมาจากประเทศความเสี่ยงต่ำมากๆ เช่น ประเทศจีน นิวซีแลนด์ ไต้หวัน ในปัจจุบัน ก็อาจใช้ระยะเวลาการกักกันตัวให้สั้นลง เช่น 10 วัน ตรวจเชื้อวันสุดท้ายก่อนออก เพราะขณะนี้การตรวจเชื้อครั้งที่ 2 เฉลี่ยอยู่ในวันที่ 12 อยู่แล้ว และใช้มาตรการอื่นในการติดตามความเสี่ยง การแพร่กระจายเชื้อ ให้อยู่เฉพาะบริเวณ และมีการตรวจเชื้อซ้ำ จนกว่าจะพ้นระยะเวลาติดต่อของโรค
ปัจจุบันวิธีการตรวจมีความไวสูงมาก และทำได้เร็วขึ้น ตรวจเช้าได้เย็น มีห้องปฏิบัติการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
หลักการและเหตุผลต่างๆ จะอ้างอิงตามหลักวิชาการ เพื่อลดการกระจายของ โควิด 19 มาสู่ประชากรไทยให้น้อยที่สุด
ในระยะยาวกว่าจะมีวัคซีน ที่รู้แน่ชัดว่าใช้ป้องกันโรคได้ และมีใช้ในประเทศไทย
เราคงต้องมีทุกมาตรการ ตั้งแต่ลดการนำเชื้อเข้าสู่ประเทศไทย และคนไทยทุกคนช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในประเทศ ด้วยการดำรงชีวิตแบบวิถีชีวิตใหม่อย่างเคร่งครัด
ในระยะยาวจะต้องอยู่บนจุดสมดุล ที่ทุกคนจะต้องอยู่ได้
“เหตุการณ์นี้เคยเปรียบเสมือนวิ่งมาราธอน เรายังวิ่งมาไม่ถึงครึ่งทาง จึงต้องมีการผ่อนหนักผ่อนเบา เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางให้ได้”