เยาวราชเริ่มคึกคัก ชาวไทยเชื้อสายจีนออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าเซ่นไหว้รับตรุษจีน

  • ชี้ส่วนใหญ่เน้นใช้จ่ายแบบประหยัด ซื้อเท่าที่จำเป็น 
  • ด้านราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติเล็กน้อย
  • เครื่องเซ่นไหว้ผักผลไม้ ยังคงขายดี ส่วนเครื่องเซ่นไหว้ที่ต้องนำมาเผายอดลดคต่อเนื่อง
  • ด้านร้านทองเงียบเหงา เหตุเถ้าแก่เลิกซื้อแจกอั่งเปา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนวันจ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563  มีประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนออกมาจับจ่ายซื้อสินค้า เป็ด ไก่ หมู อาหารทะเลสดและแห้ง เครื่องเซ่นไหว้ย่านเยาวราชอย่างคึกคัก โดยส่วนใหญ่จะเน้นใช้จ่ายแบบประหยัด และซื้อเครื่องเซ่นไหว้เท่าที่จำเป็นของแต่ละครอบครัว เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ  ขณะที่ราคาสินค้าปีนี้มีการปรับเพิ่มจากช่วงปกติเพียงเล็กน้อย เพราะต้นทุนสินค้าหลายชนิด เช่น หมู น้ำมัน ราคาสูงขึ้น สินค้าส่วนใหญ่ทั้งเครื่องเซ่นไหว้ ผักผลไม้และอาหารต่าง  ยังขายดี ยกเว้นกระดาษเงินกระดาษทอง หรือเครื่องเซ่นไหว้ที่ต้องนำมาเผากราบไหว้บรรพบุรุษตามประเพณี ที่ทุกตลาดยอดขายลดลง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ลดลงถึง 40-50% เนื่องจากต้องการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่น

สำหรับราคาสินค้าตรุษจีนปีนี้ ไก่สด กิโลกรัมละ 70 บาท ไก่ต้ม ตัวละ 480 – 500 บาท เป็ดต้ม ตัวละ 400 บาท หมูย่างทั้งตัวกิโลกรัมละ 300 บาท แปะก๊วย กิโลกรัมละ 80 บาท ขนมเข่งคู่ละ 25 -30 บาท ขนมเทียนชิ้นละ 8 บาท กระเพาะปลา เริ่มต้นขีดละ 100 บาท หมี่ซั่ว กิโลกรัมละ 60 – 120 บาท เก๋ากี้ขีดละ 50 บาท ถุงผ้าสีแดงมีตัวอักษรจีนมงคล ถุงละ15 บาท

ด้านร้านขายเสื้อคอจีนและกี่เพ้าคึกคักอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อค้าแม่ค้า กล่าวว่าลูกค้าปีนี้มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่มาหาซื้อชุดกี่เพ้า โดยชุดเด็กจะขายดีกว่า เพราะผู้ปกครองจะซื้อให้ลูกหลานใส่ อีกทั้งหลายโรงเรียนก็จัดกิจกรรมวันตรุษจีนให้นักเรียนเลือกใส่ชุดกี่เพ้า หรือเสื้อผ้าสีแดงไปร่วมกิจกรรม โดยราคาใกล้เคียงกับตรุษจีนปีที่ผ่านมา เสื้อเด็ก ตัวละ 100 บาท ทั้งชุดราคา 199 บาท ส่วนผู้ใหญ่ราคา 450-500 บาท

นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน และผู้ประกอบการร้านทองจินฮั้วเฮง กล่าวว่าการซื้อขายทองคำที่ย่านเยาวราชปีนี้ไม่คึกคักเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องราคาทองปรับตัวสูงขึ้นสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี2559 ทองแท่งขายบาทละ 22,400 บาท  ทองรูปพรรณ ขายบาทละ 22,900 บาท โดยบริษัทต่าง  แจกอั่งเปาทองคำน้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากราคาทองคำเริ่มปรับตัวสูง และผู้บริหารบริษัทต่าง  ผลัดเปลี่ยนเป็นคนรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่จะแจกโบนัสช่วงปีใหม่แทนอั่งเปา ขณะที่คนไทยเชื้อสายจีนยังนิยมให้ทองคำกับบุตรหลาน เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต แต่อาจจะซื้อน้อยลง จากเดิมเฉลี่ยซื้อคนละ 1 – 2 บาท ปัจจุบัน 1 สลึง – 1 บาท โดยทางร้านได้มีจัดทำทองคำ 12 นักษัตรหลากหลายขนาด เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อง่ายขึ้นในราคาที่ไม่แพงมาก และหันมาทำทองโปร่งมากขึ้นเหมาะกับลูกค้าที่ต้องการทองคำเส้นใหญ่ แต่ใช้ทองคำน้ำหนักน้อยกว่า และคาดว่าหลังวันที่ 25 มกราคม ลูกค้าได้รับอั่งเปาจะมาซื้อทองที่ร้านคึกคักขึ้น

สำหรับทิศทางราคาทองคำปีนี้ ยังคงต้องติดตาม 2 ปัจจัย คือ ความตึงเครียดสหรัฐอิหร่าน ที่มีทิศทางดีขึ้น หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศไม่ตอบโต้อิหร่านด้วยกำลังทหาร และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว นอกจากนี้ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงไตรมาส 3 ปี 2563 และคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1 ครั้ง ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ 

ส่วนปัจจัยที่น่าจับตามอง คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐปลายปี 2563 ด้านปัจจัยในประเทศมองว่ายังไม่น่ากังวล มองเป้าหมายราคาทองคำปี 2563 อยู่ที่ 1,560 – 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 22,000 – 23,000 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ตาม มองแนวโน้มราคาทองคำ ปีนี้เป็นขาขึ้น แม้ว่าระยะสั้นอาจจะย่อตัวลงบ้าง แต่เชื่อว่าระยะยาวจะเป็นขาขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากการเจรจาการค้าแม้ว่าจะมีข้อตกลงเฟสแรก แต่ยังมีการเจรจารอบอื่น ที่ยังไม่แน่นอน การใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของเฟด ความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่อาจยืดเยื้อ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักลงทุนสนใจย้ายมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น