เพื่อไทยไม่เชื่อน้ำหน้ารัฐบาลจะเปิดประเทศใน 120 วัน ได้เหตุฉีดวัคซีนได้น้อยยอดติดเชื้อยังพุ่งสูง

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าสามารถเปิดประเทศภายใน 120 วันได้จริงหรือไม่ โดยนายกฯ แถลงในวันที่ 16 มิถุนายน แต่นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กลับระบุว่านับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ทำให้เกิดความสับสนว่าเริ่มนับตั้งแต่วันไหน ครั้งนี้ทุกคนอยากให้มีการเปิดประเทศ แต่ต้องมีแผนรองรับต้องปลอดภัย เพราะหากผู้ประกอบการเตรียมตัวเเล้ว เมื่อถึงวันนั้นหากเปิดไม่ได้ก็จะเกิดความเสียหาย เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการเสียหายมาหลายรอบเเล้ว

นายยุทธพงศ์ ยังยืนยันว่าการจะเปิดประเทศ เรื่องการฉีดวัคซีนถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ต้องฉีดให้ได้ 50 ล้านคน แต่นับจากวันที่ 7 มิถุนายน ที่รัฐบาลประกาศให้การฉีดวัคซีน เป็นวาระแห่งชาติ ก็พบว่าไม่มีวันไหนฉีดวัคซีนได้ถึง 5 แสนโดส และจนถึงขณะนี้ (20 มิ.ย.) ฉีดได้เพียงแค่กว่า 7 ล้านโดสเท่านั้น โดยเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่มีวัคซีนให้ฉีด จึงมีการเลื่อนฉีดวัคซีนและการเข้ามาของวัคซีนแอสตราเซเนกาก็ไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังพบว่า ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน ที่นายกรัฐมนตรีประกาศเปิดประเทศ ยังพบผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนมาก แต่ละวันยอดสูงถึงหลัก 3,000 คน

นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีมีบริษัทขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอวัคซีนให้กับพนักงานและครอบครัว แสดงให้เห็นว่าไม่มีวัคซีนให้ฉีด และต้องมีเส้นจึงจะได้ฉีดวัคซีน ดังนั้น 120 วัน จะเปิดประเทศได้จริงหรือ พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงและเปิดเผยสัญญาการการจัดซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส ว่าจะเข้ามาวันไหน จำนวนเท่าไร

ด้านนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวเห็นด้วยที่รัฐบาลกล้าหาญจะเปิดประเทศ แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเป็นกังวล คือ การกระจายวัคซีนและเรื่องเงินทุนสำหรับให้ผู้ประกอบการที่จะมาเปิดกิจการใหม่ และตนได้รับการร้องเรียนจากบุคลากรทางการเเพทย์ว่า ขณะนี้มีวัคซีนทิพย์ เพราะไม่รู้ว่าวัคซีนจะมาเมื่อใด แม้ส่วนตัวดีใจที่รัฐบาลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสั่งซื้อวัคซีนเองได้ แต่ก็พบว่ามีความพยายามให้ท้องถิ่นซื้อวัคซีนจำนวนน้อย ทั้งที่คนไทยยังต้องการวัคซีนจำนวนมาก พร้อมตั้งข้อสังเกตกรณีผู้ฉีดวัคซีนไปแล้วอาจเป็นพาหะ โดยยกตัวอย่างประเทศชิลีที่ฉีดซิโนแวค และอังกฤษที่ฉีดแอสตราเซเนกา ไปแล้วร้อยละ 60 หลังจากเปิดประเทศแล้วก็ต้องปิดอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเยียวยาผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการตัวเล็กๆ ควรได้รับอานิสงส์จาก พ.ร.ก.กู้เงิน แต่การที่รัฐบาลจะเพิ่มโรงรับจำนำ อาจไม่ใช่การช่วยเหลือเพราะขณะนี้ชาวบ้านเหลือแต่ครกและกระทะ ซึ่งจำนำไม่ได้ ทั้งนี้ในการแถลงข่าวนายจิรพงษ์ ยังได้นำครกและกระทะมาแสดงให้สื่อดู พร้อมระบุว่าครกดินโรงรับจำนำไม่รับ เพราะมันแตกง่ายไม่เหมือนครกหิน แต่ขณะนี้ประชาชนมีแต่ครกดิน