เผยไทม์ไลน์ “บุคลากรทางการแพทย์ วัย 27 ปี” ติดโควิดรายที่ 7 ในพื้นที่ กทม. พบเป็นกลุ่มผู้สัมผัสเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ธ.ค.63) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุขจ.นนทบุรี นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา(โควิด-19) หรือ ศบค. พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรคร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทย

ทั้งนี้ นายแพทย์โสภณ กล่าวถึงบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 7 นี้ เป็นเพื่อนร่วมห้องพักของผู้ป่วยบุคลากรทางการแพทย์รายที่ 6 ดังนั้นผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน โดยเริ่มจากการมีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อจากการปฏิบัติงานภายในสถานกักกันที่รัฐกำหนด (ASQ) และนำมาติดเพื่อนบุคลากรจากการมีกิจกรรมร่วมกันนอกเวลางาน ใช้ชีวิตด้วยกัน พักด้วยกัน รับประทานอาหารด้วยกัน

โดยจากการสอบสวนโรคพบว่า ผู้ป่วยรายที่ 7 มีความเกี่ยวข้อง โดยเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา ทำงานร่วม Ward กับผู้ป่วยรายที่ 4 ที่เริ่มป่วยเป็นคนแรก, พักอาศัยร่วมห้องกับผู้ป่วยรายที่ 6 เมื่อวันที่ 5-7 ธ.ค. 2563 ก่อนที่จะทราบว่าผู้ป่วยรายที่ 6 ติดเชื้อ, วันที่ 8 ธ.ค. 2563 เก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อครั้งแรก ผลไม่พบเชื้อ และเข้ารับการกักตัวในโรงพยาบาลเอกชนวันที่ 9-11 ธ.ค. 2563 ระหว่างนี้ไม่มีอาการ กระทั่งวันที่ 12 ธ.ค. 2563 มีอาการเจ็บคอ แน่นจมูก ผลตรวจแล้วพบเชื้อ ขณะนี้อยู่ในการดูแลรักษาของแพทย์

“ผู้ป่วยรายที่ 7 อยู่ในสถานที่กักกันโรคตั้งแต่วันที่ 8-12 ธันวาคม จึงไม่มีการสัมผัสกับผู้อื่น ถือว่ามีความปลอดภัยสูงขอยืนยันว่าไม่ต้องกังวล ผู้ที่พักในคอนโดเดียวกัน หากไม่มีอาการป่วย ไม่มีอาการผิดปกติ ถือเป็นกลุ่มที่ไม่เสี่ยง ส่วนกรณีสงสัยว่าอาจจะมีอาการป่วยเนื่องจากมีความใกล้ชิดช่วงก่อนหน้านี้ เช่น มีอาการทางเดินหายใจ ไข้ ไอ เจ็บคอน้ำมูก ไม่ได้กลิ่น ไม่รับรส สามารถไปตรวจสถานพยาบาลใกล้บ้านได้ อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนพบว่าเป็นการติดเชื้อภายในกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่ใช้ชีวิตร่วมกันเท่านั้น และขอให้ประชาชนยังคงตระหนักป้องกันโรคด้วยการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสที่ใช้ร่วมกัน” นายแพทย์โสภณ กล่าว

นอกจากนี้ในส่วนของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ที่เดินทางมาจากเมียนมา 6 ราย เดินทางเข้ามาอย่างถูกต้องและเข้ารับการกักกันในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ (Local Quarantine) จ.เชียงราย แล้วจึงตรวจพบเชื้อ ได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดย 4 รายติดเชื้อไม่มีอาการ อีก 2 รายมีอาการเล็กน้อย จึงไม่ต้องตระหนกเนื่องจากไม่ได้มีการสัมผัสกับผู้อื่นภายนอก