เปิดบิ๊กโปรเจกต์กู้สิ่งแวดล้อมโลก… กับภารกิจ “ไปรษณีย์ reBOX” เปลี่ยนกล่อง-ซอง เป็นของขวัญปีใหม่ 2564



วันนี้…ประเทศไทยเราคงปฏิเสธพฤติกรรม นอนๆนั่งๆ กดเลื่อนเลือกดูสินค้าที่ชอบและสั่งซื้อ โดยที่ไม่ต้องออกจากบ้านไปช้อปเดินให้เมื่อย ฝ่าปัญหารถติด เสียค่าใช้จ่ายที่ต้องเดินทาง ฯลฯ

แน่นอนปัจจุบันการช้อปสินค้าออนไลน์ เข้ามาเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคยุคนี้ไปแล้ว ซึ่งดูได้จากตลาดอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน ที่มีตัวเลขเติบโตต่อเนื่องมาทุกปี 

โดยตัวธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็มีบทบาทสำคัญและมีอิทธิพล ทำให้อีกหนึ่งธุรกิจเติบโตควบคู่ตามเสมือนเป็นเงานั้นคือ“ธุรกิจโลจิสติกส์” เนื่องจากผู้บริโภคมีการช้อปสั่งซื้อแล้ว ก็ต้องมีการจัดสั่งถึงบ้านตามมา

ทั้งนี้มีสถิติจากเว็บไซต์ allied market research พบว่า ตั้งแต่ปี 2559 – 2563 ธุรกิจโลจิสติกส์โลกมีค่าเฉลี่ยโตเพิ่มขึ้น3.48% และในประเทศไทยก็มีตัวเลขเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะในปี 2563 ที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไรรัสโควิด – 19 ได้ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปรับตัว เกิดการสร้างช่องทางใหม่ที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเดือน ม.ค. 2563 มีการผลิตบรรจุภัณฑ์มากถึง 94,572 ตัน ซึ่งสูงกว่าเดือน ธ.ค. 2562 กว่า 8,500 ตันซึ่งจากข้อมูลที่พบนี้ นอกจากได้เห็นตัวเลขการเติบโตของธุรกิจผลิตบรรจุภัฑณ์แล้ว อีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือแล้วจะมีวิธีการจัดการกับ “ขยะ” ที่เกิดจากการใช้บรรจุภัณฑ์ หรือจะนำไปใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าใหม่อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร 

เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราได้หาคำตอบไขความสงสัยในประเด็นร้กันดีกว่า… เมื่อไม่นานมานี้ หนึ่งในองค์กรที่มีความเกี่ยวพันกับการใช้บรรจุภัณฑ์อย่าง “ไปรษณีย์ไทย” ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่จะเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยได้เริ่มดำเนินโครงการ “ไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่องเป็นของขวัญปีใหม่ 2564” เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ด้วยการนำบรรจุภัณฑ์อย่างกล่องพัสดุ และซองที่ผ่านการใช้แล้วมาสร้างประโยชน์ใหม่ที่มีคุณค่า พร้อมลดปริมาณขยะที่กำลังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินโครงการนี้เป็นไปตามหลัก 3R คือ Reduce ลดการใช้ Reuse การใช้ซ้ำและ Recycle การนำกลับมาใช้ใหม่ นอกจากนี้ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่ใช้บริการขนส่งจากเอกชนค่ายต่างๆ ได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบสังคมผ่านโครงการนี้ด้วยกันอีกด้วย

นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า กล่องพัสดุและซองกระดาษที่เกิดจากการขนส่งส่วนใหญ่ ยังไม่ได้มีแนวทางในการนำกลับมาใช้ใหม่ หรือนำไปต่อยอดที่เป็นรูปธรรม โดยปัจจุบันมีกล่องและซองจำนวนมากที่ถูกทิ้ง ถูกขายเป็นเศษกระดาษ หรือนำไปกำจัดด้วยการเผา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะสิ่งเหล่านี้สามารถใช้ซ้ำ และสร้างประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆได้ โดยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม 

จากเหตุดังกล่าวนี้เอง ทำให้เกิดแรงผลักดัน ส่งผลให้ไปรษณีย์ไทยไม่นิ่งนอนใจ ที่จะคิดดำเนินโครงการ “ไปรษณีย์reBOX” ขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการนำกล่องและซองที่ไม่ใช้แล้วเข้าสู่ระบบการรีไซเคิล เพื่อรังสรรค์เป็นชุดโต๊ะและเก้าอี้ สำหรับมอบให้กับน้องๆ นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ โดยถือได้ว่าเป็นการคิกออฟแคมเปญด้านสิ่งแวดล้อมที่ดำเนินการอย่างจริงจัง โดยขณะนี้ก็ได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนเป็นอย่างดี

“ไปรษณีย์ไทยต้องขอขอบคุณคนไทยที่ให้การตอบรับแคมเปญ ไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่อง/ซองเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 เป็นอย่างดี โดยตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือน มียอดกล่องพัสดุและซองกระดาษที่ไม่ได้ใช้แล้ว ส่งเข้ามาในระบบมากถึง 55,000 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบปริมาณการใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องพบว่า หากนำกล่องและซองเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ใหม่จะช่วยลดการตัดต้นไม้ได้ถึง 935 ต้น” นายก่อกิจ กล่าว

นายก่อกิจ กล่าวต่อว่า ยิ่งไปกว่านั้นการดำเนินโครงการนี้ยังสามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 220,000 กิโลวัตต์ลดคาร์บอนฟุตปริ้นต์ที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ และเป็นตัวการของภาวะโลกร้อนได้ 37,400 กิโลกรัม รวมถึงสามารถลดการใช้น้ำมันที่เกิดจากกิจกรรมการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีกถึง 20,900 แกลลอน นอกจากนี้ยังสามารถลดการใช้น้ำได้ 385,000 แกลลอน ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ช่วยทั้งลดการใช้ และลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติได้ในระดับที่น่าพอใจ 

ทั้งนี้เชื่อว่าโครงการนี้ จะเป็นต้นแบบให้กับองค์กรอื่นๆ ได้ตระหนักถึงประเด็นการสร้างความยั่งยืนให้กับบรรจุภัณฑ์ได้ในอนาคต ซึ่งไปรษณีย์ไทยเองก็มีแผนต่อยอดแคมเปญไปรษณีย์ reBOX โดยนำกล่อง/ซองไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

นานก่อกิจ กล่าวด้วยว่า โครงการไปรษณีย์ reBOX ยังได้รับการตอบรับจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยได้รวบรวมกล่อง และซองที่ไม่ใช้แล้วจำนวนมากในหน่วยงานและร่วมเป็นจุดให้บริการรับรวบรวมกล่องและซองจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็น ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กองบัญชาการกองทัพไทย บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่นซิสเทม จำกัด บริษัท เอส.ซี. เสรีชัยบิวตี้ จำกัด มูลนิธิก้าวคนละก้าว โครงการวน โดย บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) 

บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด คอนโด บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จํากัด (มหาชน) The Base สุขุมวิท77 รวมทั้งอีกหลายๆ หน่วยงาน โดยไปรษณีย์ไทยได้รวบรวมกล่องและซองที่ได้รับและทยอยส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เปลี่ยนกล่องและซองเป็นชุดโต๊ะ เก้าอี้เพื่อส่งมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับน้องๆ นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศในเดือน ธ.ค.นี้

“รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในปีนี้ ถือว่าเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้หลายๆ ธุรกิจต่างพากันสรรหาโซลูชั่นที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดีและน่าชื่นชม แต่ต้องไม่ลืมว่าในประเด็นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะแนวคิด Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่เหมาะกับบริบทของประเทศไทยที่มีการบริโภค มีการใช้จ่าย และมีการผลิตสินค้าต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งไปรษณีย์ไทยพร้อมดำเนินงานตามแนวทางที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อย่างไม่สูญเปล่า และมุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป” นายก่อกิจ กล่าวทิ้งท้าย