

- พบเกิดเหตุส่วนใหญ่มาจากเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว
- รถจักรยานยนต์ครองแชมป์ ยานพาหนะที่เกิดเหตุสูงสุด
- เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด
- ส่วนโคราช มียอดผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ม.ค.64) ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่พ.ศ.2564 ว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 2 ม.ค.64 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” สรุปโดยรวมวันนี้เกิดอุบัติเหตุ383 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 44 ราย ผู้บาดเจ็บ 384 คน
ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ 30.29% ขับรถเร็ว 28.98% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ รถจักรยานยนต์ 79.85% ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 67.10% ถนนใน อบต./หมู่บ้าน 38.38% ถนนกรมทางหลวง 37.86% ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. 33.94% ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด อยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป 30.84%
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,930 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 61,655 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 529,869 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 117,106 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 31,305 ราย ไม่มีใบขับขี่ 28,884 ราย
สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ด (20 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานครเชียงราย เชียงใหม่ (จังหวัดละ 3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ด (21 คน)

โดยสรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค.63 – 2 ม.ค. 64) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,748 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 316 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 2,741 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 9 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (97 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (16 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (99 คน)
นายชยธรรม์ กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันหยุดสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่ คาดว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับเป็นจำนวนมาก ทำให้เส้นทางสายหลักจากภูมิภาคต่าง ๆ ที่มุ่งเข้าสู่กรุงเทพมหานคร และเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดมีปริมาณรถหนาแน่น และบางเส้นทางอาจมีการจราจรติดขัด ประกอบกับผู้ขับขี่อาจมีอาการอ่อนล้าจากเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จึงทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุง่วงหลับใน โดยทาง ศปถ.จึงได้กำชับให้จังหวัดเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานของจุดตรวจ บนเส้นทาง สายหลัก ถนนสายรอง เส้นทางลัด และเส้นทางเลี่ยงเมืองโดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด คุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็ว รวมถึงเรียกตรวจเพื่อประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุง่วงหลับใน
นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำเรื่องของการอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับของประชาชน ทั้งความพร้อมด้านรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลประชาชนที่ใช้บริการสาธารณะให้เดินทางกลับอย่างปลอดภัยและไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง
ด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมืองกล่าวว่า ศปถ.ได้เน้นย้ำให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดใช้กลไกของด่านชุมชน จุดสกัด และด่านตรวจในพื้นที่ระหว่างอำเภอ ชุมชน หมู่บ้าน เข้มข้นการปฏิบัติเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน โดยให้ทุกภาคส่วนยังคงเฝ้าระวังและป้องกันพฤติกรรมเสี่ยง เน้นการกวดขันการขับรถเร็ว การดื่มแล้วขับ และการไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
ขณะที่นายนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวเผยว่า ในวันนี้บางเส้นทางอาจมีการจราจรคับคั่งและใช้ระยะเวลาในการเดินทางนาน จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด มีน้ำใจกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง ไม่ขับรถเร็ว ง่วงไม่ขับ หยุดพักรถเมื่อมีอาการเมื่อยล้าหรือง่วงนอน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สร้างความปลอดภัยบนเส้นทางสายต่าง ๆ เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย