เปิดตลาดดาวโจนส์ร่วงต่อเป็นวันที่ 2 ของสัปดาห์ ติดลบกว่า 245 จุด

.นักลงทุนเทขายหุ้นทำกำไร หลังตลาดหุ้นสหรัฐทะยานทำนิวไฮในสัปดาห์ที่ผ่านมา
.มองดัชนีรับข่าวแนวโน้มเศรษกิจสหรัฐฟื้น -ผลประกอบการไตรมาสแรกดีไปเรียบร้อยแล้ว
.ตลาด ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ๆ -ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

เมื่อเวลา 21.45 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ33,831.71 จุด ลดลง 245.92 จุด หรือ -0.72% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,804.73 จุด ลดลง 110.03 จุด หรือ 0.9% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ4,139.29 จุด ลดลง 23.97 จุด หรือ -0.58%

นักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์ยังอยู่ในภาวะปรับฐาน เพื่อทำกำไรต่อไป เนื่องจากได้ตอบรับข่าวดีจากแนวโน้มฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสแรกที่ออกมาดีกว่าคาดไปแล้ว ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งดัชนีพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนส่วนหนึ่งหันไปลงทุนในตลาดคริปโคเคอเรนซี

ทั้งนี้ บริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) และบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ต่างเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในวันนี้ โดยหุ้นในกลุ่มค้าปลีก และธนาคาร ซึ่งประกาศผลประกอบการออกมาแล้วถูกขายเพื่อทำกำไร ขณะที่
มีแรงเทขายหุ้นเทคโนโลยีต่อเนื่อง โดยราคาหุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงในวันนี้ แม้ว่านายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ทางบริษัทเตรียมให้บริการ Live Audio Rooms ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเปิดห้องสนทนาเช่นเดียวกับแอปพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง Clubhouse ในช่วงฤดูร้อนนี้นี้ก็ตาม

นอกจากนี้ นายซักเคอร์เบิร์กยังกล่าวถึงการให้บริการ Soundbites ซึ่งผู้สนใจจะสามารถรับฟังคลิปเสียงสั้นๆ โดยเฟซบุ๊กจะเริ่มการทดลองให้บริการดังกล่าวในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

นักลงทุนวิตกหลังองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) จัดการแถลงข่าวในวันนี้ ยืนยันว่า การใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่พัฒนาโดยแจนเซน ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) อาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

ตลาดยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมทั้ง ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27-28 เม.ย. หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 16-17 มี.ค. โดยระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน เพื่อหาความชัดเจนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ