- สภาอังกฤษไม่เห็นชอบลงมติผ่านใน3วัน ตามที่รัฐบาลขอ
- คาดลงนาม31ต.ค.ตามที่ตกลงไว้กัยสหภาพยุโรปไม่ได้
- นักลงทุนเล่นหุ้นตามข่าว-ผลประกอบการทั้งบวกและลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่22ต.ค.ที่ผ่านมาที่ 26,788.10 จุด ลดลง 39.54 จุด หรือ -0.15% ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,995.99 จุด ลดลง 10.73 จุด หรือ -0.36% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท ปิดที่ 8,104.30 จุด ลดลง 58.69 จุด หรือ -0.72%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ส่งสัญญาณไร้ทิศทาง หลังจากสมาชิกสภาสามัญชน หรือสภาล่างของอังกฤษ ลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรือ Withdrawal Agreement Bill ของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่จะไม่ใช้เวลาเพียง3วัน ในการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ Brexit ตามที่รัฐบาลให้
ทำให้คาดการณ์ว่า อังกฤษจะไม่สามารถแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ตามกำหนดเดิมภายในวันที่ 31 ต.ค. ส่งผลให้ EU จะต้องให้การอนุมัติขยายเส้นตาย Brexit ออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้อังกฤษแยกตัวจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ขณะเดียวกัน นายจอห์นสันอาจประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ตามคำขู่ของเขาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสและช่วยหนุนราคาหุ้นให้ดีดตัวขึ้นโดยหุ้น P&G พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อิงค์ ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 8% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ขณะที่บริษัทยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปิดตลาดร่วงลง 2.1% หุ้นเฟซบุ้คร่วงลง3.2%ขณะที่หุ้นทวิตเตอร์ดิ่งลง3.7%
หุ้นแมคโดนัลด์ ร่วงลง 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ลดลง
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายหลี่ ยู่เฉิง รมช.ต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐประสบความคืบหน้าในการเจรจาการค้า และทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหาใดๆได้ ตราบใดที่มีความเคารพซึ่งกันและกัน
