“เทพไท”เชื่อการเมืองไม่ถึงทางตันอยากให้ “อนค”กลับสู่ระบบรัฐสภา

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึง กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) จัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ว่า รู้สึกโล่งใจและสบายใจที่เห็นการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสลายตัวในเวลาที่กำหนดไว้ แม้การจัดการชุมนุมของพรรคอนาคตใหม่จะเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ที่สามารถชุมนุมอย่างสงบและปราศจากอาวุธได้ก็ตาม แต่ในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้ ตนเห็นว่า พรรคอนาคตใหม่ยังมีแนวทางการต่อสู้ที่ดีกว่านี้ ไม่อยากให้ด่วนตัดสินใจนำประชาชนออกมาสู่ท้องถนน

“อยากให้ไปต่อสู้ในแนวทางรัฐสภาให้ถึงที่สุดเสียก่อน การนัดชุมนุมทางการเมืองบนท้องถนนน่าจะเป็นมาตรการสุดท้ายในการเคลื่อนไหวของนักการเมือง ส่วนพรรคการเมืองต้องเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภาเท่านั้น และในตอนนี้พรรคอนาคตใหม่ยังมีเวทีที่จะต่อสู้ในเวทีรัฐสภาได้อย่างเต็มที่” นายเทพไท กล่าว

นายเทพไท ระบุว่า ปัญหาของพรรคอนาคตใหม่ในขณะนี้มีอยู่ใน 2 ประเด็น คือ 1.ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ตัดเงื่อนไขการสืบทอดอำนาจของ คสช. 2.มีปัญหาเกี่ยวกับ พรป.พรรคการเมือง ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ พรรคอนาคตใหม่สามารถใช้เสียง ส.ส.ของพรรค ร่วมเสนอแก้ไข กฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ได้ ส่วนตัวพร้อมสนับสนุนแนวทางการต่อสู้ในระบอบรัฐสภาของทุกพรรคการเมือง และพรรคอนาคตใหม่ได้เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับพรรคการเมืองต่างๆต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว

นายเทพไท กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ไข พรป.พรรคการเมืองนั้น ตนพร้อมที่จะลงชื่อสนับสนุนด้วย ถ้าพรรคอนาคตใหม่ต้องการจะแก้ไข เพราะ พรป.พรรคการเมืองฉบับนี้ มีจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขอยู่หลายประเด็น เช่น การทำไพรมารี่โหวต การเก็บค่าสมาชิกพรรค การจัดตั้งสาขาพรรค ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่ทุกพรรคการเมืองกำลังประสบอยู่ แต่ถ้าพรรคอนาคตใหม่ต้องการแก้ไขหมวดการเงินรายรับรายจ่ายของพรรคการเมืองให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก็คงไม่มีพรรคการเมืองไหนคัดค้าน

“ในขณะนี้เห็นว่าการเมืองยังไม่ถึงทางตัน นักการเมือง พรรคการเมือง ยังมีเวทีการต่อสู้ในระบบรัฐสภาได้ ถ้าทุกคนเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภาจริง บ้านเมืองก็สามารถเดินต่อไปได้ ขอให้การเปลี่ยนแปลงใดๆทางการเมือง เป็นการเปลี่ยนแปลงในวิถีทางประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา อย่าให้อำนาจนอกระบบมาเกี่ยวข้อง ประชาธิปไตยของประเทศไทยก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง”