เดือนส.ค.ฝนไม่ตกคาดข้าวเสียหาย5หมื่นล้าน

  • ข้าวเหนียว-ข้าวหอมมะลิตายแล้ว2รอบ
  • ผู้ส่งออกคาดผลผลิตเสียหายกว่าครึ่ง
  • ดันราคาแพงกว่าทองคำตันละ2.5หมื่น

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ ผู้ส่งออกข้าวไทย และผู้นำเข้าในต่างประเทศ กังวลสถานการณ์ภัยแล้งของไทยมาก เพราะหากภายในกลางเดือนส.ค. นี้ฝนยังไม่ตก จะทำให้เกิดภัยแล้งในพื้นที่เพาะปลูกข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแน่นอน และคาดว่าผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิปีนี้จะลดลง 40-50% หรือจะเหลือเพียง 4.5-5 ล้านตัน จากเดิมที่มีผลผลิต 8.5-9.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 50,000 ล้านบาท และอาจมีผลทำให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิของไทยปรับขึ้นไปถึงตันละ 25,000 บาทได้ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และแพงกว่าทองคำ 1 บาทเสียอีก แม้จะเป็นราคาสูง แต่เกษตรกรแทบไม่ได้ประโยชน์เพราะผลผลิตเสียหาย

ด้านร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า หากฝนไม่ตกในช่วงเดือนส.ค.นี้ คงไม่สามารถปลูกข้าวในรอบที่ 3 ได้แล้ว ในส่วนของการส่งออกข้าว คงต้องติดตามว่าประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม และอินเดีย จะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งหรือไม่ แต่หากไม่ได้รับผลกระทบ จะทำให้ทั้ง 2 ประเทศได้รับอานิสงส์ทันที ทั้งในส่วนของตลาด และราคาตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น

“นอกจากปัญหาภัยแล้งแล้ว ไทยยังมีเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้ครึ่งปีหลังราคาข้าวไทยจะแพงขึ้น โดยนับตั้งแต่ต้นปี 62 เงินบาทแข็งค่า 4.7% ขณะที่ค่าเงินรูปีของอินเดียอ่อนค่าลง 0.7% ค่าเงินด่องของเวียดนามแข็งค่าเล็กน้อย 0.7% และค่าเงินปากีสถานอ่อนค่าลง 15% ซึ่งจะทำให้ไทยส่งออกข้าวได้ลำบากอีก”

สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 62 (เดือนม.ค.-มิ.ย.) ไทยส่งออกข้าวไปแล้ว 4.36 ล้านตัน ลดลงจากช่วง 19.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เป็นผู้ส่งออกปริมาณมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากอินเดีย ที่ส่งออกได้ 5.95 ล้านตัน ส่วนอันดับ 3 เป็นเวียดนาม 3.27 ล้านตัน ตามด้วยปากีสถาน 2.16 ล้านตัน และจีน 1.47 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ในปี 62 สมาคมยังตั้งเป้าส่งออกข้าวไว้ที่ 9 ล้านตัน มูลค่า 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐณ หรือประมาณ 145,000 ล้านบาท