เจาะ 4 กลยุทธ์ “เฮียฮ้อ” พา RS Group ขึ้นแท่น Game changer ปั้นรายได้หมื่นล้านใน 2 ปี



โลกปัจจุบัน ไม่มีสูตรสำเร็จในการทำธุรกิจอีกต่อไป เพราะการแข่งขันที่สูง บวกกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นว่าธุรกิจที่ปรับตัวได้เร็วและกล้าเผชิญความเปลี่ยนแปลงภายใต้วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของผู้นำองค์กรและมีทีมงานที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดได้ เช่นเดียวกับ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป จากธุรกิจเพลงสู่ธุรกิจคอมเมิร์ซในวันนี้ เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า อาร์เอส กรุ๊ป ได้กลายเป็นเกม เชนเจอร์ส (Game Changer) ให้กับวงการสื่อและบันเทิง ด้วยการนำโมเดลธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Entertainmerce) มาเป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ สามารถทำให้บริษัทฯ ก้าวเข้าสู่ธุรกิจคอมเมิร์ซและธุรกิจอื่นๆ ส่งผลให้กระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้น รวมทั้งมีรายได้และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์

นอกจากการเป็น Game Changer และได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทฯ ที่ทรานส์ฟอร์มองค์กรได้สำเร็จแล้ว หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ ‘เฮียฮ้อ’ แม่ทัพใหญ่ของ อาร์เอส กรุ๊ป คือ การสร้างรายได้หมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากนี้ โดย อาร์เอส กรุ๊ป ได้ใช้กลยุทธ์ 4 ข้อหลัก ซึ่งอยู่ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce คือ เน้นการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และระบบดิจิทัลต่างๆ มาเพิ่มประสิทธิภาพของทุกธุรกิจ

กลยุทธ์ที่ 1 สร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจสื่อและบันเทิงซึ่งเป็นธุรกิจหลักแต่เดิมด้วยการสร้างรายได้จากหลายช่องทางเพื่อนำจุดเด่นและความเชี่ยวชาญของกลุ่มธุรกิจสื่อและบันเทิงในเครืออาร์เอส กรุ๊ป มาสนับสนุนและต่อยอดธุรกิจคอมเมิร์ซและธุรกิจอื่นๆ  เช่น ธุรกิจมีเดีย (สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 และ COOLISM)เน้นใช้กลยุทธ์กระจายช่องทางหารายได้ ธุรกิจเพลง (RS Music) โดยต่อยอดสู่การเป็น บิสซิเนส พาร์ทเนอร์ (Business partner) ตามโมเดล มิวสิค สตาร์ คอมเมิร์ซ (Music Star Commerce)

กลยุทธ์ที่ 2 การสร้างการเติบโตของ RS Mall ให้เป็น พันธมิตรด้านความเป็นอยู่ที่ดี หรือ Wellbeing Partner ในใจคนไทย เนื่องจากปัจจุบัน RS Mall มีฐานลูกค้ามากกว่า 1.6 ล้านราย และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ การสร้างและพัฒนาระบบ CRM ที่แข็งแรง จึงทำให้เกิดการซื้อสินค้าซ้ำกว่า 2.4 ครั้งต่อปี

รวมทั้งการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้เพื่อทำให้เราเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ อาร์เอส กรุ๊ป ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในแง่ของการสร้าง Customer Data Platform การใช้ Data analytics รวมทั้งระบบ Voice analytics ที่นำข้อมูลในหลากหลายมิติและเสียงการสนทนาของลูกค้ามาประมวลผลให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงใจ

กลยุทธ์ที่ 3 การพัฒนาผลิตภัณท์ของไลฟ์สตาร์( Lifestar) เพื่อเข้าสู่ตลาดใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ อาร์เอส ที่ผลิตสินค้านวัตกรรมสุขภาพและความงาม โดยล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ‘well u คอลลาเจน’ คอลลาเจนระดับพรีเมียมที่  รวมถึงผลิตภัณฑ์ Functional Drink ภายใต้แบรนด์ “CAMU C” เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมคามู คามู วิตามินซีสูง 200% และวิตามินบี 12 สูง และเตรียมวางจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงในช่วงกลางปีนี้ ผ่านการจัดจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ของ RS Mall และพันธมิตร

กลยุทธ์ที่ 4 การทำ Mergers and Acquisitions (M&A) และ Joint Venture (JV) การทำธุรกิจในปัจจุบันต้องมีพาร์ทเนอร์ที่ดี เพื่อนำทรัพยากร ความชำนาญ และเงินทุนที่มี สร้างการเติบโตร่วมกัน โดย คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคยกล่าวไว้ว่า “โลกธุรกิจในยุคนี้ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคู่แข่งเราจะมาจากไหน ทุกบริษัทสามารถข้ามมาทำธุรกิจอะไรก็ได้ ที่ตัวเองมองเห็นโอกาส เพียงแต่เรื่องนี้มันจะไม่น่ากลัวอะไรเลย หากตัวเราเองก็พร้อมที่จะข้ามไปแข่งขันกับคนอื่นๆ”

ดังนั้น ในปีนี้ อาร์เอส กรุ๊ป คาดการณ์ว่าจะมีการขยายธุรกิจอย่างน้อย 2-3 ดีล เพื่อต่อยอดและขยาย Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป โดยตั้งงบไว้ที่ประมาณ 300-600 ล้านบาทต่อดีล และเป็นไปได้ทั้งการขยายธุรกิจในแนวตั้งและแนวราบ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อาร์เอส ได้มีการเข้าซื้อหุ้น บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด จำนวน 35% มูลค่า 920 ล้านบาท เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจ “บริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย”