

- ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ
- พ่อค้าทุกรายต้องมีใบอนุญาตรายงานบัญชีรับซื้อ
- จี้กรมวิชากรเกษตรปูพรมลงพื้นที่ตรวจสอบ
นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการหารือแนวทางเฝ้าระวังสถานการณ์ยางพารา และมาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราทั้งระบบ ร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า จากสถานการณ์ยางพาราที่ผันผวน โดยปรับลดลงจากวันที่ 30 ต.ค.ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 80.01 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ถึงวันที่ 9 พ.ย.ราคายางลดลง 19 บาทต่อกก.เหลือ 60.95 บาทต่อกก.
ปัจจัยจากผู้ประกอบการเก็งกำไรในช่วงสถานการณ์ผันผวน นักลงทุนเทขายในตลาดล่วงหน้าต่างประเทศเพื่อทำกำไร และปริมาณสต๊อกยางเซี่ยงไฮ้ปรับตัวสูงขึ้น ณ วันที่ 6 พ .ย. 2563 อยู่ที่ 253,537 ตัน เพิ่มขึ้น 5,627 ตัน จากสัปดาห์ก่อนเนื่องจากมีการซื้อเข้าสูงในช่วงก่อนหน้า และ ปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ การขาดแรงงานจากสถานการณ์โควิด-19 ที่หลายประเทศประกาศล็อกดาวน์ มาตรการต่าง ๆ จากภาครัฐ รวมทั้งสถานการณ์โรคใบร่วง และสภาพอากาศที่แปรปรวน ฝนตก พายุเข้า
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมอื่น ๆ อีก เช่น ราคาน้ำมันดิบ และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากช่วงก่อนหน้าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลให้ปริมาณยางพาราที่ออกสู่ตลาดลดลง เป็นปัจจัยทำให้ราคายางพาราผันผวนนั่นเอง
ทั้งนี้ จากการหารือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีมติเห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคายาง ประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ 1. มาตรการทางกฎหมาย ที่นำมาบังคับใช้ 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ. ว่าด้วยและสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 28 โดยให้จุดรับซื้อยางมีการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อยางพาราที่ชัดเจน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อขายยางพารา
หากพบว่าผู้ประกอบธุรกิจใดร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจอื่นที่แข่งขันในตลาดเดียวกัน กระทําการใด ๆ อันเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขัน หรือจํากัดการแข่งขันในตลาดนั้นในลักษณะ อย่างหนึ่งอย่างใด ตามมาตรา 54 พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 จะมีบทลงโทษอย่างเป็นรูปธรรม และ พ.ร.บ. ควบคุมยาง พ.ศ. 2542 ตามมาตรา 22 และมาตรา 23 โดยระบุให้ผู้ค้ายางทุกรายต้องมีใบอนุญาตค้ายาง และจะต้องรายงานบัญชีการซื้อขายยาง ซึ่งกรมวิชาการเกษตรและการยางแห่งประเทศไทย จะร่วมมือกันในการออกตรวจใบอนุญาตค้ายางแบบปูพรมทุกพื้นที่
สำหรับมาตรการที่ 2 กระทรวงเกษตรฯ โดยการยางแห่งประเทศไทย ได้ขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางควบคู่กับมาตรการทางกฎหมาย ได้แก่ 1. โครงการชะลอการขายยางของสถาบันเกษตรกร
- การเพิ่มจุดรับซื้อและรวบรวมน้ำยางสด และ 3. โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 2 ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านมติ ครม.แล้ว