สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (ฮู) ออกมาประณามต่อบรรดาประเทศร่ำรวยที่กักตุนวัคซีน และยารักษา ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับป้องกันไวรัสโควิด-19 ต่างๆ เป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดความล้มเหลวในการกระจายทรัพยากรเหล่านี้อย่างเป็นธรรมไปยังประเทศยากจน ซึ่งส่งผลให้ซ้ำเติมสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยาวนานยิ่งขึ้น
โดยมาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าด้านเทคนิคขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การกักตุนทรัพยากรดังกล่าว โดยเฉพาะวัคซีน ไม่เพียงแต่ไม่ยุติธรรม หรือผิดศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังทำให้ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดยาวนานขึ้นด้วย ส่งผลให้ผู้คนเสียชีวิตมากขึ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ ทางดับเบิลยูเอชโอ ได้เรียกร้องให้ประเทศร่ำรวย หรือกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ระงับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เข็มที่ 3 หรือวัคซีนบูสเตอร์ ออกไปก่อนอย่างน้อย 2 เดือน เพื่อกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มประเทศรายได้ต่ำอย่างยุติธรรม เท่าเทียมกัน
นอกจากกันนี้ ทางองค์การอนามัยโลก ขอให้กลุ่มประเทศร่ำรวยช่วยบริจาควัคซีนส่วนเกินไปยังประเทศยากจน โดยหวังว่า จะสามารถฉีดวัคซีนได้ราวอย่างน้อย 10% ของประชากรทุกประเทศภายในสิ้นเดือน ก.ย. นี้
สำหรับ ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในประเทศต่างๆ ปรากฏว่า สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือโดส ให้แก่ประชาชนไปแล้วราว 53% ของประชากรในประเทศ และฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้แก่ประชาชนไปแล้วกว่า 1.3 ล้านคน ส่วนที่สหภาพยุโรป หรืออียู ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนครบโดสแล้วราว 57% ของประชากรอียูทั้งหมด