

อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ ประกาศความพร้อมงาน COSMEX 2023 งานสำหรับวงการความงามแบบ 360 องศา ร่วมค้นหาตัวตนแห่งความสำเร็จ 7-9 พ.ย.นี้
- ชวนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมความงาม
- สร้างแรงบันดาลใจ-เทคโนโลยีผลิตเครื่องสำอาง
- ร่วมค้นหาตัวตนแห่งความสำเร็จ 7-9 พ.ย.นี้
นางวราภรณ์ ธรรมจรีย์ กรรมการผู้จัดการ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ (RX Tradex เดิมชื่อ รี้ด เทรดเด็กซ์) ผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าแห่งอาเซียน เปิดเผยว่า ขณะนี้งาน คอสเม็กซ์ “COSMEX 2023” งานแสดงเทคโนโลยีผลิต บริการรับผลิต และบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พร้อมแล้วที่จะเปิดให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมความงามได้เข้ามาเก็บเกี่ยวข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการแข่งขันและการปรับตัวในอุตสาหกรรมนี้ พร้อมค้นหาองค์ประกอบที่ทำให้หน้าตาความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นกับธุรกิจของตนเองได้จริง ในวันที่ 7-9 พฤศจิกายนนี้ ที่ฮอลล์ 100 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยงานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “For The Look of Success” หรือ “เผยโฉมความสำเร็จธุรกิจคุณ” ที่ไม่ว่าผู้ประกอบการจะจินตนาการความสำเร็จครั้งใหม่หรือความสำเร็จอีกระดับของธุรกิจไว้อย่างไร ในงาน COSMEX นี้ จะได้พบกับหลากหลายองค์ประกอบที่จะรวมร่างเป็นหน้าตาแห่งความสำเร็จให้ผู้ประกอบการเห็นได้โดยไม่ต้องรอ และงาน COSMEX นี้ ยังคงจัดคู่กันกับงาน “อิน-คอสเมติกส์ เอเชีย” in-cosmetics Asia งานแสดงส่วนผสมผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายชั้นนำแห่งเอเชียแปซิฟิก เหมือนกับในปีที่ผ่านมา โดยงาน in-cosmetics Asia จะจัดขึ้นในฮอลล์ 101 – 104 ของไบเทค
อุตสาหกรรมความงาม เป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีอัตราการเติบโตในแต่ละปีค่อนข้างสูง จากงานวิจัยของ Euromonitor ระบุว่า เมื่อเทียบกับตลาดโลกแล้ว ตลาดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายในเอเชียแปซิฟิก เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก โดยจะมีอัตราการเติบโตเป็นสัดส่วนถึง 67% ของตลาดโลกหรือมูลค่ากว่า 13 ล้านล้านบาทภายในปี 2027 สำหรับตลาดในประเทศ ก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าได้เปิดเผยข้อมูลตลาดในปีที่ผ่านมาว่า ตลาดในประเทศจะมีการขยายตัวจากปีก่อนหน้า 12.1% คิดเป็นมูลค่า 25,953.6 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะขยายตัวที่ 10.4% หรือคิดเป็นมูลค่า 28,651.2 ล้านบาท
ส่วนการส่งออก กระทรวงพาณิชย์แจ้งตัวเลขในรายงานว่า ในปีที่ผ่านมา สินค้าในหมวดเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว มีมูลค่าการส่งออก 112,859.69 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.4% โดยสินค้าที่ส่งออกมากสุด 6 อันดับแรก คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เครื่องสำอางและสกินแคร์ สบู่ ผลิตภัณฑ์เพื่ออนามัยในช่องปากและฟัน ผลิตภัณฑ์โกนหนวด อาบน้ำ และดับกลิ่นตัว และหัวน้ำหอมและน้ำหอม โดย 5 ประเทศหลักที่ส่งออกคือ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ออสเตรเลีย และจีน สำหรับ 8 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 76,090.65 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 2.32% โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมส่งออกในปีนี้ คือ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟัน สบู่ ผลิตภัณฑ์โกนหนวด อาบน้ำ และดับกลิ่นตัว และหัวน้ำหอมและน้ำหอม

ในส่วนของเทรนด์ในวงการความงามที่กำลังแพร่หลายไปทั่วโลก และยังจะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2024 มีด้วยกัน 4 เทรนด์ ได้แก่ เทรนด์ Conscious Beauty หรือความงามอย่างมีสติ งามจากภายในด้านจิตสำนึก ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นค่านิยมของคนรุ่นใหม่ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตจากธรรมชาติ 100% ไม่ทดลองในสัตว์ ผู้ผลิตมีความเป็นธรรมต่อชุมชนและสังคม เทรนด์ NeuroGlow งามจากภายในด้านจิตใจ คือการดูแลตนเองแบบองค์รวม ทั้งการรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีผลต่อสุขภาพผิวที่ดี บริษัทวิจัยตลาดชื่อดังอย่าง Mintel ระบุว่า 70% ของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา มีความสนใจและยินดีจ่ายในราคาแพงกว่าให้กับสินค้าที่ทำให้ผิวสวยและช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์บางแบรนด์ได้มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารระเหยที่เมื่อสูดดมเข้าไปแล้วช่วยเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมการฟื้นฟูของผิวในช่วงเวลากลางคืน หรือผลิตภัณฑ์เซรั่มที่ไม่ได้เพียงแต่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวหน้า แต่มีสารที่ไปช่วยป้องกันการสร้าง Cortisol หรือฮอร์โมนความเครียดในผิว ทำให้ผิวสุขภาพดี และให้ความผ่อนคลายทางจิตใจ เทรนด์ Beauty-AI ที่กำลังมีบทบาทสูงในปัจจุบันจากการเข้ามาพลิกโฉมวงการความงามเพราะมีการนำดาต้าอย่าง Feedback ใน Social media ไลฟ์สไตล์ สภาพแวดล้อมของที่พักอาศัย หรือข้อมูลด้านพันธุกรรม มาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อมองหาช่องว่างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล เกิดเป็นผู้ช่วยด้านความงามแบบ virtual ที่สามารถให้คำปรึกษาและแนะนำการดูแลตนเองที่เฉพาะเจาะจงกับความต้องการ ซึ่ง Mintel ได้ทำวิจัยในจีนพบว่า ผู้บริโภค 49% มีความเชื่อมั่นในความถูกต้องของคำแนะนำจาก AI มากกว่าคำแนะนำจากมนุษย์ ทำให้มีการนำ AI เข้ามาช่วยคิดค้นสูตรเพื่อให้รวดเร็วและถูกต้องแม่นยำมากขึ้น และเทรนด์ Sophisticated Simplicity หรือความเรียบง่ายที่ซับซ้อน คือผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับส่วนผสมในผลิตภัณฑ์มากกว่าหน้าตาบรรจุภัณฑ์ภายนอก และใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์ตัวนั้นหรือไม่ รวมถึงยินดีที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้สินค้าที่มีประสิทธิภาพ
“ในฐานะที่อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ ได้ร่วมขับเคลื่อนการเติบโตของวงการความงามด้วยการจัดงาน COSMEX มาเป็นปีที่ 8 แล้ว ได้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างมากมายมาโดยตลอด จึงอยากให้ผู้ประกอบการไทยทุกขนาด โดยเฉพาะกลุ่ม SME ซึ่งมีสัดส่วนขนาดใหญ่สุดในบรรดาผู้เล่นทั้งหมดของวงการความงาม ได้มีโอกาสปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง ด้วยการมาเปิดโลก มาเห็นเทรนด์ มาเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีอย่างมากมาย และที่สำคัญได้มาเห็นว่า ความสำเร็จที่ผู้ประกอบการได้วาดฝันไว้นั้น มีหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมชมงาน จะมีโอกาสได้อัปเดตเทรนด์ของอุตสาหกรรมความงาม หรือมองหาพาร์ทเนอร์ทางการค้าใหม่ ๆ เพื่อนำไปปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง”
งาน COSMEX 2023 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00-18.00 น. ณ ฮอลล์ 100 จัดคู่กับงาน in-cosmetics Asia (ฮอลล์ 101 – 104) ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ดูรายละเอียดของงานและลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้าเพื่อรับสิทธิ์เข้าชมงานโดยไม่มีค่าธรรมเนียมเข้างาน 500 บาท ที่ www.cosmexshow.com ตั้งแต่วันนี้ – 5 พฤศจิกายนนี้เท่านั้น ลงทะเบียนหนึ่งาน เข้าชมได้ทั้งสองงาน