“อุตตม”ดันไมโครเอสเอ็มอีเข้าตลาดทุนปีหน้า

  • ผุดตลาดที่ 3 ในตลาดหลักทรัพย์
  • เร่งศึกษาเกณฑ์ที่เหมาะสมกับก.ล.ต.
  • เล็งใช้เกณฑ์เปิดเผยข้อมูลแทนผลกำไรจูงใจนักลงทุน

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)​อยู่ระหว่างการหารือหลักเกณฑ์การเปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กตั้งแต่ระดับไมโครเอสเอ็มอีสามารถเข้ามาระดมทุนใน​ตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกับธุรกิจขนาดกลางและธุรกิจขนาดใหญ่ที่สามารถระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้  ดังนั้นจึงมีการจะพิจารณาเปิดตลาดแห่งที่ 3 ขึ้นสำหรับผู้ประกอบธุรกิจไมโครเอสเอ็มอีได้ คาดว่าจะจัดตั้งได้ภายในปี 2563

“ขณะนี้ก.ล.ต.กับตลาดหลักทรัพย์ กำลังพิจารณาตลาด 3 เพื่อช่วยคนตัวเล็ก เอสเอ็มอีหรือไมโครเอสเอ็มอี เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่ 3 ซึ่งกฎเกณฑ์จากตลาดหลักทรัพย์แห่งนี้ จะไม่เหมือนตลาดหลักทรัพย์ เดิม เพราะไมโครเอสเอ็มอี ยังเพิ่งเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ จึงไม่มีผลประกอบการที่ชัดเจนในแง่ผลกำไร ดังนั้น จึงจะต้องผ่อนคลายเกณฑ์ในการเข้าร่วมลง โดยอาจจะให้ไมโครเอสเอ็มอีเหล่านี้ ใช้เกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลเป็นการทดแทน เป็นต้น”

สำหรับการเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลนั้น จะต้องบอกได้ว่าสามารถเปิดข้อมูลอะไรได้บ้าง เพื่อให้นักลงทุนที่สนใจเห็นได้  ทั้งนี้ ในระยะแรกอาจจะมีธุรกิจไมโครเอสเอ็มอีเข้าจดทะเบียนไม่มากนัก และยังไม่มีสภาพคล่อง ซึ่งจะเหมือนกับตลาดหลักทรัพย์ใหม่ที่ช่วงแรกจะไม่มีสภาพคล่องนัก แต่ระยะหลังก็ดีขึ้น

ทั้งนี้เมื่อไมโครเอสเอ็มอีเข้าตลาดทุนได้แล้ว กระทรวงการคลังจะไม่ปล่อยให้ไมโครเอสเอ็มอีดำเนินธุรกิจไปโดยไม่ดูแล โดยจะให้หน่วยงานต่างๆ และสถาบันการเงินของรัฐ เข้าไปช่วยสนับสนุนทั้งสินเชื่อและการพัฒนาธุรกิจเพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไปได้  

ส่วนรูปแบบของตลาดทุนแห่งที่ 3 นั้น อาจจะไม่มีตารางเทรด แต่เป็นตลาด Over The Counter (OTC) คือ ตลาดที่มีการซื้อขายกันเองโดยตรง เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์โดยที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงต่อรองราคากันได้เอง ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนสามารถต่อรองราคาได้ตามที่ต้องการ เหมือนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่กองทุนต่างๆเข้ามาพบปะได้

“อย่าไปคิดว่า มันจะเหมือนการเทรดในตลาดใหญ่และตลาดใหม่ โดยกองทุนจะเข้าไประดมเงินจากแหล่งอื่นเพื่อมาซื้อหุ้นในธุรกิจไมโครเอสเอ็มอีที่ขายในตลาดที่ 3 ทั้งนี้ผมมองธุรกิจที่มีศักยภาพ คือ เกษตรแปรรูป และผมว่าประเทศไทยมีสินค้าดีๆ เยอะ”