อินเดีย จ่อเปิดตัว “ดิจิทัลรูปี” หวังกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล

  • ร่างกฎหมายเก็บภาษีคริปโท 30%
  • ธนาคารกลางเสนอใช้แนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไป
  • ดิจิทัลรูปีต้องอยู่ภายใต้นโยบายการเงิน

สำนักข่าว Cointelegraph.com ได้รายงานว่า อินเดียได้เพิ่มความมั่นใจในการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ในปี 2565-2566 โดยธนาคารทุนสำรองอินเดีย หรือ RBI ได้เสนอวิธีการให้คะแนนสามขั้นตอนสำหรับการเปิดตัว CBDC ที่มีการหยุดชะงักเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในระบบการเงินแบบดั้งเดิม

นางนิรมล สิธารามัน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอินเดียได้พูดถึงการเปิดตัวเงินรูปีดิจิทัล ขณะหารือเกี่ยวกับงบประมาณสำหรับปี 2565 ในเดือนก.พ.65ที่ผ่านมา ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลครั้งใหญ่ ในรายงานประจำปีที่เผยแพร่โดยธนาคารกลางของอินเดียเมื่อวันศุกร์

ทางด้าน RBI ได้เปิดเผยการสำรวจข้อดีและข้อเสียของการเปิดใช้สกุลเงินดิจิทัลรูปีเช่นกัน ซึ่งในรายงาน RBI ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ ดิจิทัลรูปีจะต้องอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ของอินเดียตามนโยบายการเงิน ความมั่นคงทางการเงิน และการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของสกุลเงินและระบบการชำระเงิน

จากนโยบายดังกล่าว ทำให้ RBI อยู่ในช่วงการตรวจสอบองค์ประกอบการออกแบบระบบต่าง ๆ ของ CBDC ที่สามารถใช้งานได้ภายในระบบคำสั่งที่มีอยู่โดยไม่ทำให้เกิดความล่าช้า ซึ่งร่างกฎหมายการเงินของอินเดียปี2022 ได้บังคับใช้การเก็บภาษีคริปโท 30% ในอนาคต

พร้อมทั้งพูดถึงกรอบการทำงานทางกฎหมายสำหรับการเปิดตัวรูปีดิจิทัล โดยธนาคารกลางเสนอให้ใช้แนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อแนะนำ CBDC ผ่านขั้นตอนของการพิสูจน์แนวคิด การทดลองสู่การเปิดตัวในขั้นตอนสุดท้าย

ขณะนี้กระบวนการพิสูจน์แนวคิดของ RBI อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบความเป็นไปได้และการทำงานของการเปิดใช้ CBDC

เมื่อวันที่ 17 พ.ค.65 เจ้าหน้าที่ RBI ได้เตือนถึงการใช้คริปโท เนื่องจากความเสี่ยงของค่าเงินดอลลาร์ในเศรษฐกิจอินเดีย

นาย Shaktikanta Das ผู้ว่าการ RBI รวมถึงเจ้าหน้าที่คนสำคัญ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับโลกของสกุลเงินดิจิทัลที่ครอบงำด้วยเงินดอลลาร์ กล่าวว่า คริปโตเคอเรนซีเกือบทั้งหมดเป็นสกุลเงินดอลลาร์และออกโดยหน่วยงานเอกชนต่างประเทศ

โดยอาจนำไปสู่การแปลงเป็นสกุลเงินดอลลาร์ในขั้นตอนสุดท้าย ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอินเดียและจะขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศด้วย รวมทั้งคริปโทจะบ่อนทำลายความสามารถของ RBI ในการกำหนดนโยบายการเงินและควบคุมระบบการเงินของประเทศอย่างมาก