“อิชิตัน” ยิ้มธุรกิจเติบโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี เลิกจัดหวยชาเขียวเพราะใช้งบมาก พร้อมรุกตลาดพรีเมี่ยมรับกระแสคนรักสุขภาพ ดัน “ชิซึโอกะ” ขยายตลาดแมสพรีเมี่ยม

ธนพันธุ์ คงนันทะ
  • ตลาดชาเขียวเคยพีคสุดปี 2015 มูลค่า 17,000 ล้านบาท
  • ตลาดติดลบ 3 ซ้อน ปีที่ผ่านมาเหลือ 11,892 ล้านบาท
  • ดำเนินกลยุทธ์ใหม่ต้นปีเจาะตลาดเป็นแคมเปญเล็กๆ พร้อมเลิกหวยชาเขียว
  • กระแสคนรักสุขภาพหันมาดื่มชาชิซึโอกะกันมาก และชาพรีเมียมแบรนด์อื่นทำให้ตลาดกลับมาเติบโต
  • พร้อมออกโฆษณาชาเขียว“ชิซึโอกะ” 2 เรื่อง เพื่อขยายตลาดแมสพรีเมี่ยม

นายธนพันธุ์ คงนันทะ รองกรรมการผู้จัดการสายงานช่องทางจัดจำหน่าย บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มกลับมาเติบโตอีกครั้งหลังจากตลาดหดตัวติดลบมาตลอด 3 ปีติดต่อถึงปีละ 10% ทำให้มูลค่าตลาดรวมที่เคยสูงสุดถึง 17,000 ล้านบาท ในปี 2558 ที่ผ่านมา เหลือ 11,892 ล้านบาทในปี 2561 ส่วนครึ่งแรกในปีนี้ตัวเลขจากบริษัทนีลสัน (ประเทศไทย) ระบุว่าตลาดมีตัวเลขเติบโต 5.5% ในเชิงมูลค่าหรือประมาณ 6,439 ล้านบาท และเติบโต 3.7% ในเชิงปริมาณ

สำหรับสาเหตุหลักก็คือ การที่บริษัทได้งดดำเนินกิจกรรมโปรโมชั่น ซึ่งเคยเป็นกิจกรรมหลักของบริษัทมาตลอดระยบะเวลา 6-7 ปีที่ผ่านมา ทำให้ลดงบประมาณการโปรโมตลงครึ่งปีแรกใช้ไป 240 ล้านบาท ต่างจากปีที่ผ่านมาที่ใช้ไปถึง 309 ล้านบาท โดยมุ่งดำเนินกิจกรรมการตลาดเล็กๆ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเช่นเข้าถึงร้านค้าผ่านแคมเปญ “อิชิตัน ยกลัง ลุ้นเบนซ์ รวยทอง” การปรับพอร์ตสินค้าในบริษัทให้เหมาะสมสถานการณ์ปัจจุบันที่ตค้องเสียภาษีสรรพสามิตและภาษีค่าความหวาน รวมไปถึงการขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่และการเปิดตลาดชาพร้อมดื่ม “ชิซึโอกะ” เจาะตลาดพรีเมี่ยมท่ามกลางกระแสการตื่นตัวการดูแลด้านสุขภาพ

นายธนพันธ์ุ กล่าวว่า​ โดยเฉพาะประเด็นสุขภาพทำให้ผู้บริโภคที่เคยหยุดดื่มชาเขียว กลับมาดื่มชาเขียวพรีเมียมกันมากขึ้น ทำให้ตลาดนี้ครึ่งปีแรกโตมากที่สุดถึง 30% จากการวางตลาด “ชิซึโอกะ” มาปีเศษ เริ่มต้นจากศูนย์ปัจจุบันมีส่วนแบ่งในตลาดพรีเมี่ยมอยู่ 37% และฟูจิชะ อันดับสอง 35% จากตลาดพรีเมี่ยมครึ่งปีแรก 676 ล้านบาท ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าวทำให้บริษัทวางแผนขยายตลาดจากพรีเมี่ยม เป็นพรีเมี่ยมแมส พร้อมกับโฆษณาใหม่ 2 เรื่อง เพื่อสื่อสารความตั้งใจของชาวไร่ ในจ.ชิซึโอกะที่ต้องการส่งมอบชาที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภคชาวไทย

“สำหรับตลาดชาเขียวพร้อมดื่มทั้งระบบคาดหมายว่าทั้งปีจะเติบโตในระดับ 5% โดยมีโออิชิ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 44.6% ส่วนอิชิตัน 31.6% ที่เหลือเป็นของบริษัทอื่นๆ ซึ่งการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดมั่นใจว่ามาถูกทางแต่คงบอกไม่ได้ว่าปีนี้บริษัทจะเทิร์นอะราวด์ได้ไหม ส่วนนโยบายการจัดโปรโมชั่นเหมือนครั้งก่อนๆ คงไม่มีอีกต่อไป นอกจากว่าจะมีการคิดนวัตกรรมโปรโมชั่นวิธีการและของรางวัลที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจ”

ด้านคาซึเทรุ โอฮาชิ (Kazuteru Ohashi) ประธานและเจ้าหน้าที่บริหาร ไร่คาวาเนะ มัทฉะ กล่าวถึงความสำเร็จของชาเขียวชิซึโอกะในประเทศไทยว่า ต้องขอบคุณผู้บริโภคไทย ที่ให้การต้อนรับชาชิซึโอกะเป็นอย่างดี จังหวัดซิซึโอกะได้ชื่อว่าเป็น เมืองหลวงแห่งชาของประเทศญี่ปุ่น

ปัจจุบันกว่า 40% ของการบริโภคชาในประเทศญี่ปุ่นล้วนมาจาก แหล่งปลูกใน ชิซึโอกะ การทำชาคือจิตวิญญาณของชาวชิซึโอกะ สำหรับไร่คาวาเนะ มัทฉะซึ่งเป็น แหล่งวัตถุดิบของชาชิซึโอกะ โฮจิฉะ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี เราให้ความสำคัญ ในทุกรายละเอียดของการปลูก เพื่อสะท้อนความตั้งใจ และความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิตผ่านรสชาติของชาที่ดีที่สุดจากแหล่งกำเนิดที่ดีที่สุด นับเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งที่ใบชาจากไร่ของเราได้กลายมาเป็น ชาพร้อมดื่มเพื่อให้คนไทยได้ลิ้มลอง”

นายธนพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ชิซึโอกะต้องการนำเสนอภาพความพรีเมียมในมุมมองของความพิถีพิถัน จิตวิญญาณ และความตั้งใจของเกษตรกรชาวญี่ปุ่น ที่ต้องการส่งมอบชาเขียวคุณภาพ มาให้คนไทยได้ลิ้มลอง

ชาชิซึโอกะทั้งหมด 3 รสชาติ มีจำหน่ายแล้วทางร้านสะดวกซื้อและร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ ในขนาด 440 มล. ราคาขวดละ 30 บาท