อานิสงส์เชื้อโควิด-19 ดัน “ไฟเซอร์ อิงก์” กวาดรายได้ไตรมาสแรกปีนี้ 2.56 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

  • เผยรายได้จากวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • รายได้ยาเม็ดแพกซ์โลวิด (Paxlovid) อยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • วางป้ารายได้ปี 65 ระหว่าง 98,000 – 102,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

วันนี้ (5 พ.ค.65) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ไฟเซอร์ อิงก์ (Pfizer Inc.) บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้น 77% เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 2.56 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 8.81 แสนล้านบาท) โดยมีปัจจัยจากยอดจำหน่ายวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และยาต้านเชื้อไวรัสฯ ชนิดรับประทาน

ทั้งนี้รายได้จากวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4.53 แสนล้านบาท) และจากยาเม็ดแพกซ์โลวิด (Paxlovid) อยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 5.14 หมื่นล้านบาท) ขณะที่ผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทฯ อยู่ที่ 1.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 55.6 บาท) เพิ่มขึ้น 72% เมื่อเทียบปีต่อปี

ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวตอกย้ำว่า บริษัทฯ มีแนวโน้มทำรายได้ตามเป้าหมายระหว่าง 9.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึง1.02 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3.36-3.5 ล้านล้านบาท) ในปี 2565 ซึ่งแบ่งเป็นรายได้จากวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ประมาณ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.09 ล้านล้านบาท) และจากยาเม็ดแพกซ์โลวิดประมาณ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 7.55 แสนล้านบาท)

อย่างไรก็ดี ไฟเซอร์ยังปรับลดแนวโน้มผลกำไรต่อหุ้นประจำปีจากเดิม 6.35-6.55 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 218-224.9 บาท) เหลืออยู่ที่ 6.25-5.45 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 214-187.1 บาท) ต่อหุ้น โดยมีเหตุมาจากค่าใช้จ่ายในกระบวนการวิจัยและพัฒนา ซึ่งสะท้อนผลกระทบเชิงลบเพียง 0.11 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3.7 บาท) ต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี