- ดูแลคนในชุมชน เน้นกลุ่มเปราะบาง
- ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โรคไตเรื้อรังและผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง
- พร้อมเป็นต้นแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในสถานการณ์โควิด 19 อสม. เป็นหนึ่งกำลังหลักที่ช่วยสร้างผลงานให้ประเทศไทยสามารถควบคุมป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับความชื่นชมและความเชื่อถือจากทั่วโลก และในการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข อสม.คือหนึ่งบุคลากรสำคัญที่จะขับเคลื่อนนโยบาย 3 หมอ ให้คนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว 3 คน ภายใต้แนวคิด “หมอคนที่ 1 ที่พึ่งชุมชน คนรักษ์สุขภาพ” โดยมี อสม. เป็นหมอคนที่ 1 ใกล้ตัว ใกล้ชิดประชาชน ร่วมกับหมอคนที่ 2 และ 3 ในการดูแลสุขภาพของคนในชุมชนมุ่งเป้าดูแลผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง (CKD) และผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง (LTC) พร้อมยกระดับสู่การเป็น “สมาร์ท อสม.” ที่จะเป็นที่พึ่งและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งด้านสุขภาพร่างกาย จิตใจ สังคม และสภาพแวดล้อม ให้แก่คนในชุมชน โดยทำหน้าที่เป็นแกนนำสุขภาพ เป็นต้นแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และสนับสนุนความเข้มแข็งของเครือข่ายสุขภาพในชุมชน ให้เกิดการจัดการสุขภาพชุมชนเพื่อการพึ่งตนเองด้านสุขภาพ นอกจากนี้ สถาบันพระบรมราชชนกยังจัดให้อสม. หรือทายาทสายตรงได้ศึกษาต่อหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล เพื่อช่วยเสริมศักยภาพและต่อยอดการดูแลสุขภาพประชาชนต่อไป
“ความโชคดีของระบบสาธารณสุขไทย คือมี อสม. เป็นกลไกและกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและดูแลสุขภาพของประชาชนในชุมชน ให้เป็นไปตามเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข คือ ประชาชนมีสุขภาพที่ดีลดการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และระบบสาธารณสุขแข็งแรงอย่างยั่งยืน”
สำหรับกิจกรรมในการประชุมเสริมศักยภาพ อสม. หมอคนที่ 1 ที่พึ่งชุมชน คนรักษ์ สุขภาพ ภาคกลาง มีการฝึกอบรมใช้แอปพลิเคชัน “smart อสม.” และการแสดงผลงาน ของหน่วยงานและ รพ.สต. จังหวัดต่างๆ ในเขตสุขภาพที่ 4 และ 5 อาทิ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี, ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 4 สระบุรี, กองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, รพ.สต.ตำบลคลองเรือ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี, องค์กร อสม.สร้างสุขภาพ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี, รพ.สต.ท่าแค อ.ลพบุรี เป็นต้น
