

- เผยจากการสำรวจผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ พบว่าติดบุหรี่ถึง 40%
- ลั่นปมเปิดช่องโหว่เจ้าหน้าที่นำมาจำหน่ายไม่มีทางเกิด
- หากพบจะดำเนินการทางวินัยอย่างถึงที่สุด
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาสั่งการให้กรมราชทัณฑ์มีการทบทวน หรือยกเลิกนโยบายที่ห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบและหรือยาเส้น ในร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขังในเรือนจำ หรือในทัณฑสถานทุกแห่งทั่วประเทศ เนื่องจากอาจไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ เพราะบุหรี่หรือยาเส้นมิได้เป็นสิ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อีกทั้งเชื่อว่าการบังคับให้บุคคลเลิกสูบบุหรี่ ไม่สามารถทำให้เลิกได้ในเวลาอันรวดเร็ว จึงอาจเป็นการเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายในเรือนจำ นั้น
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวชี้แจงว่า ก่อนที่จะมีนโยบายเลิกจำหน่ายบุหรี่ในเรือนจำ ได้มีการสำรวจผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ โดยพบว่าติดบุหรี่ถึง 40% และส่งผลกระทบต่อผู้ต้องขังที่ไม่สูบบุหรี่ เพราะสภาพภายในเรือนจำค่อนข้างแออัด เมื่อมีนโยบายดังกล่าวเกิดขึ้นก็พบว่า มีผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจลดลง ซึ่งช่วยลดปัจจัยคุกคามของโรคในกลุ่มผู้ต้องขังป่วยเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมองตีบ ส่งผลให้ลดภาระทางการรักษาพยาบาลลงอย่างมาก ซึ่งก็เป็นประโยชน์แก่ตัวผู้ต้องขังเอง และเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการเลิกบุหรี่

นอกจากนี้ นโยบายดังกล่าวได้มีการหารือร่วมกันหลายฝ่าย เพื่อการวางแนวทางอย่างถูกต้องและมีโครงการนำร่องเพื่อทดสอบความเหมาะสมในการลดละเลิกบุหรี่ของผู้ต้องขัง โดยมีกระบวนการรณรงค์เลิกสูบบุหรี่มาตั้งแต่พ.ศ.2547 จนถึงพ.ศ.2562 จึงได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตามราชกิจจานุเบกษาเรื่องกำหนดเพิ่มเติมสถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2562 ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งการยกเลิกการจำหน่ายยาสูบและหรือบุหรี่ยาเส้นภายในเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศดังกล่าว
“กรมราชทัณฑ์มีการรณรงค์อย่างค่อยเป็นค่อยไป มิได้มีการดำเนินการรวดเร็วแต่อย่างใด อีกทั้งในเรือนจำก็ยังมีสถานพยาบาล และเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้การเลิกบุหรี่ส่งผลกระทบต่อผู้ต้องขังน้อยที่สุด ทั้งนี้ในส่วนที่กล่าวว่าอาจเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ลักลอบนำมาจำหน่ายในเรือนจำนั้น ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถสูบบุหรี่หรือนำบุหรี่เข้าภายในเรือนจำ/ทัณฑสถานได้ ซึ่งหากมีการลักลอบเกิดขึ้นการกระทำดังกล่าวจะมีความผิดทางกฎหมาย และผู้ที่ลักลอบนำเข้าจะต้องถูกดำเนินการทางวินัยอย่างถึงที่สุด ดังนั้นขอให้ประชาชน และทุกฝ่ายมั่นใจได้ว่านโยบายดังกล่าว ดำเนินการไปด้วยความเหมาะสมเป็นไปตามกฎหมาย และเกิดประโยชน์กับผู้ต้องขังอย่างมาก” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว