ห้องเรียนนักลงทุน (3)

คราวที่แล้วเราได้ชี้ทางเลือกการลงทุนในตลาดทุน หรือลายแทงขุมทรัพย์ เพื่อนำเงินออมออกไปลงทุน สร้างผลตอบแทนให้งอกเงย ไว้ 6 ประเภท คือ1.ลงทุนในหุ้น 2.ลงทุนอนุพันธ์ ทำกำไรทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง 3.กองทุนรวม เงินลงทุนเติบโตโดยมืออาชีพ 4. DW ลงทุนน้อยกว่า โอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่า 5.อีทีเอฟ ซื้อง่ายขายคล่อง ผลตอบแทนตามดัชนี 6.ตราสารหนี้ เสี่ยงน้อยผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมีการลงทุนทางเลือกอื่นๆเช่น การลงทุนในทองคำและอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

วันนี้ “คุณนายพารวย” จะพามารู้จักการลงทุนในตลาดหุ้น คือการเข้าไปซื้อขายหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ถือหุ้นจะมีโอกาสได้ผลตอบแทน 2 ทางคือ จาก “เงินปันผล” เมื่อบริษัทมีกำไรและมีนโยบายจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิ

และเมื่อกิจการมีผลการดำเนินงานดีกำไรเติบโต นักลงทุนก็อยากที่จะเข้ามาซื้อหุ้น ราคาหุ้นก็จะปรับตัวสูงขึ้นทำให้มีโอกาสได้ “กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น” ที่สูงขึ้นด้วย แต่ในทางกลับกันก็มีโอกาสขาดทุนจากราคาหุ้นที่ลดลงเช่นกัน

ก่อนอื่นจะต้องย้ำว่า การลงทุนในตลาดหุ้นถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ที่จะเข้ามาลงทุนจะต้องศึกษาหาความรู้สร้างความเข้าใจ วิเคราะห์ธุรกิจหุ้นที่จะเข้าลงทุนอย่่างดี เช่น งบการเงิน แผนการดำเนินงานและการเติบโตในอนาคต และศึกษาบทวิเคราะห์มุมมองโบรกเกอร์

ขณะเดียวกันสิ่งที่จะบอกก็คือ จากข้อมูลสถิติพบว่า การลงทุนในตลาดหุ้นแม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน หากเรามีการลงทุนระยะยาวหรือให้เวลากับการลงทุน

ทั้งนี้ เว็ปไซต์ ตลาดหลักทรัพย์ www.set.or.th/investnow หัวข้อ “รอบรู้ออมหุ้น DCA” ได้รวบรวมข้อมูลและสถิติย้อนหลังพบว่า การลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าสินทรัพย์อื่น โดยผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย10ปี (ปี2551-60) การลงทุนในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ยปีละ 11.61% ขณะที่การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทน 5.15% ลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทน 4.5% ขณะที่การทิ้งเงินฝากไว้ในบัญชีเงินฝากประจำให้ผลตอบแทนปีละ 1.73% เท่านั้น

นอกจากนี้ยังพบว่า การออมเดือนละ 5,000บาท ในสินทรัพย์ต่างๆทุกเดือนเป็นเวลา 10 ปี ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551-60 พบว่า ออมเงินในหุ้นจะได้ผลตอบแทนงอกเงยรวมเป็น 1,100,000บาท (คำนวณจากผลตอบแทนใน TDEX ซึ่งอ้างอิงการลงทุนใน SET50) ออมในพันธบัตรรัฐบาลได้ 780,000บาท ออมทองคำ 750,000 และฝากประจำได้ 650,000 บาท

ดังนั้น“คุณนายพารวย” อยากแนะนำมือใหม่ ที่อยากลงมือลงทุนซื้อขายหุ้นด้วยเองให้เริ่มจากการลงทุน “ออมหุ้น” ซึ่งขณะนี้หลายโบรกเกอร์มีบริการเปิดพอร์ตเพื่อให้ลงทุนผ่านโปรแกรมออมหุ้น

โดยเฉพาะการออมหุ้นแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) ซึ่งเป็นกลยุทธ์การลงทุนแบบ “ถัวเฉลี่ยต้นทุน” ด้วยการทยอยลงทุนหุ้นตัวในตัวหนึ่ง ในจำนวนเงินที่เท่าๆกัน อย่างสม่ำเสมอ และเป็นการลงทุนในระยะยาว โดยกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการลงทุน และช่วงเวลาลงทุนในแต่ละเดือน โดยสามารถเริ่มต้นออมหุ้นด้วยเงินไม่มาก โดยเริ่มได้ตั้งแต่เดือนละ 1,000บาทเท่านั้น

ครั้งหน้าเราจะมาเรียนรู้และทำความรู้จักกับการออมหุ้นแบบ DCA กันให้มากขึ้น!!

#คุณนายพารวย #รู้เก็บ #รู้ออม #Thejournalistclub