คมนาคม -ขนส่งดันกฎหมายใช้แอพพลิเคชั่นเรียกรถสาธารณะเข้าอยู่ในพระราชบัญญัติรถยนต์ฯ คุมมาตรฐานการให้บริการ ทั้งแท็กซี่-พี่วิน จ่อเสนอที่ประชุมสภาฯ ไฟเขียว พ.ค.นี้ คาดมีผลบังคับใช้ภายในปลายปีนี้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมการขนส่งทางบกได้รายงานความคืบหน้าร่างแก้ไข พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522ที่จะให้ผู้โดยสารสามารถเรียกใช้รถส่วนบุคคลเป็นรถโดยสารสาธารณะได้ผ่านแอพพลิเคชั่นได้ถูกกฎหมาย ซึ่ง พ.ร.บ.ฯดังกล่าวจะครอบคลุมทั้งบริการรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์ ให้สามารถใช้แอพพลิเคชั่นจัดการการให้บริการแก่ผู้โดยสาร โดยในวันจันทร์ที่ 20 เม.ย.นี้ ขนส่งทางบกจะเสนอร่างพระราชบบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ที่มีการแก้ไขหลักเกณฑ์ในการให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อเสนอกฤษฎีกา ก่อนเสนอกลับมากระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอครม.พิจารณาต่อไป หากครม.เห็นชอบ จะเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในเดือนพ.ค.นี้ และคาดว่าจะสามารถนำมาใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ในช่วงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม ได้ให้นโยบายแก่กรมการขนส่งทางบก ให้มีการดำเนินการยกระดับการออกใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ประเภทต่างๆ โดยนำตัวอย่างจากต่างประเทศมาใช้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน มีสาระสำคัญ เรื่องการกำหนดสภาวะโรค ,การทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ,การอบรมทดสอบความรู้ของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถภาคทฤฎี จนถึงมาตรการการตัดแต้ม ซึ่งกรมการขนส่งทางบกต้องหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. เพื่อให้กฎหมายขนส่งและจราจรบูรณาการร่วมกัน โดยเฉพาะที่มีโทษปรับ ให้มีการตัดแต้มด้วย หลังจากนั้น จะพิจารณาเพิกถอนใบขับขี่ 1 ปี เมื่อครบ 1 ปีจะต้องมาเริ่มการทดสอบใหม่ตั้งแต่ต้น แต่หากถูกตัดแต้มจนหมดจะถูกเพิกถอนการขับรถตลอดชีวิต
ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) กล่าวว่า การดำเนินการให้บริการรถโดยสารสาธารณะทั้งรถแท็กซี่และจักรยานยนต์รับจ้าง ที่จะให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น เข้าไปเป็นเนื้อหากำหนดอยู่ในพระราชบัญญัติรถยนต์ฯนั้น เป็นไปตามคำแนะนำของสำนักงานกฤษฎีกา ซึ่งสาระสำคัญที่จะบรรจุเข้าไปในพระราชบัญญัติรถยนต์ เช่น การกำหนดคุณสมบัติของผู้ให้บริการ application และการวางเงินหลักประกัน หากรณีผู้ให้บริการ ไปทำให้เกิดความเสียหาย ก็จะมีวงเงินหลักประกันคุ้มครองชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนที่ใช้บริการ ซึ่งหลักประกันจะเป็นวงเงินเท่าไหร่นั้นจะไปพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
ส่วนประเด็นการพัฒนาการออกใบอนุญาตขับขี่ทุกประเภทนั้น ได้ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพื่อยกมาตรฐานให้การออกใบอนุญาต ให้ทัดเทียมกับประเทศในยุโรป ตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจสภาพร่างกาย ซึ่งในอนาคตกรมการขนส่งทางบก จะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ในการให้ผู้ที่ต้องการสอบใบอนุญาตไปตรวจร่างกายที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และมีการส่งผลตรวจว่ามีสมรรถภาพร่างกายพร้อม ในการขับขี่แค่ไหน ออนไลน์ข้อมูลมายังกรมการขนส่งทางบก โดยไม่จำเป็นต้องมีการขอใบรับรองแพทย์มาทำการสอบใบอนุญาตเหมือนในอดีต