

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ห่วงช่วงหน้าฝนเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้น เหตุจากถนนลื่น ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดีพอ
- ย้ำตรวจเช็กสภาพรถก่อนเดินทาง
- ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงฤดูฝน หลายพื้นที่มีฝนตกค่อนข้างหนัก ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดีพอ และหากขับรถด้วยความเร็วจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงรถลื่นไถล บังคับรถไม่อยู่ ซึ่งจากรายงานของกองสาธารณสุขฉุกเฉินพบว่าช่วงนี้มีรายงานการเกิดเกิดอุบัติเหตุทางถนนบ่อยครั้ง หลายเหตุการณ์มีผู้บาดเจ็บต้องนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลจำนวนมาก บางเหตุการณ์ถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้น ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะในช่วงฤดูฝน โดยก่อนเดินทางให้ตรวจสอบสภาพรถและอุปกรณ์ต่างๆ ว่ามีความพร้อมต่อการขับขี่ เช่น ที่ปัดน้ำฝน ระบบไฟฟ้า ระบบยาง และระบบเบรก เป็นต้น
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ขณะฝนตกหรือถนนเปียก ไม่ควรขับรถเร็ว โดยเฉพาะช่วงที่ฝนตก 10 นาทีแรก รถจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มาก เนื่องจากน้ำฝนจะชะล้างคราบน้ำมันและฝุ่นละอองเกิดเป็นคราบฉาบอยู่บนผิวถนน ส่งผลให้รถลื่นไถลและเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้ สำหรับวิธีขับขี่ให้ปลอดภัยช่วงฝนตกและมีน้ำท่วมขังบนถนน คือ 1.ลดความเร็วการขับขี่ลงกว่าระดับปกติ เนื่องจากพื้นถนนที่เปียก รถจะใช้ระยะเบรกเพิ่มขึ้น ควรใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพถนนและระยะในการมองเส้นทาง จะช่วยให้สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.เปิดไฟต่ำ เพื่อให้มองเห็นสิ่งต่างๆ บนถนนได้ชัดเจนขึ้น และรถคันอื่นมองเห็นรถของเราได้ในระยะไกล

3.ปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงของฝน เพื่อช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้ตลอดเวลา 4.เว้นระยะห่างจากท้ายรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ อย่างน้อย 10-15 เมตร เพื่อให้มีระยะเบรกที่เพียงพอและปลอดภัย 5.หลีกเลี่ยงการแซง หากจำเป็นควรประเมินสถานการณ์ให้ดีก่อนแซง 6.กรณีที่รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ไม่ควรเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนทันที อาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรใช้เกียร์ต่ำและค่อยๆ เบรก เพื่อลดความเร็ว แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ และ 7.เมื่อต้องขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ขอให้หยุดประเมินสถานการณ์ก่อน หากระดับน้ำสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน