

- ตั้ง ARI คลินิก ตลอด 24 ชั่วโมง
- ตรวจหาเชื้อทุกรายที่มีประวัติเสี่ยง
- อสม. ช่วยเฝ้าระวังควบคุมโรคในพื้นที่
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ศปก.สธ. ร่วมกับ ศบค. วิเคราะห์ข้อมูลและเข้มงวดมาตรการเพื่อทำให้มีผู้ติดเชื้อน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หากประชาชนให้ความร่วมมือจะทำให้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ภาพรวมของประเทศขณะนี้จุดศูนย์กลางยังคงอยู่ที่สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคตะวันออก กระจายอยู่ใน 53 จังหวัด บางจังหวัดมีการติดเชื้อเป็นวงกว้าง เช่น จันทบุรี ตราด อีกแห่งคือ จ.อ่างทอง ที่พบนักพนันติดเชื้อจากบ่อนไก่เป็นจำนวนมาก ต้องเพิ่มความเข้มข้นในการค้นหาและติดตามผู้สัมผัส งดกิจกรรม/การเดินทาง ร้านอาหารซื้อกลับบ้าน ปิดสถานที่ที่เป็นจุดเสี่ยง หรือล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด ส่วนจังหวัดไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อหรือไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มถือว่าสามารถควบคุมการติดเชื้อได้ แต่ขอให้ยังคงดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มข้นและเพิ่มการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่
สำหรับจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการระบาด เช่น สมุทรสาคร นนทบุรี กรุงเทพมหานคร พบแรงงานต่างด้าวจากการเคลื่อนย้ายจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง ในโรงงานและตลาดขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ/นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวทุกคนขึ้นทะเบียนเพื่อให้สามารถติดตามตัว พิสูจน์ทราบ และคัดกรองโรค และไม่รับแรงงานโดยไม่ทราบว่ามาจากที่ใด เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงเป็นผู้ติดเชื้อ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทั่วประเทศ ดำเนินการตามแนวปฏิบัติสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด ติดตามสถานการณ์ทุกวันร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพิ่มบุคลากรในการเฝ้าระวัง สอบสวน ควบคุมโรค การรักษา โรงพยาบาลสนาม โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงและสีส้ม ให้เน้นประชากรเสี่ยง พื้นที่เสี่ยง และกิจกรรมเสี่ยง รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ให้โรงพยาบาลจัดตั้งคลินิกโรคหวัดหรือ ARI คลินิกตลอด 24 ชั่วโมง และตรวจหาเชื้อทุกรายที่มีประวัติเสี่ยง เช่น ไปบ่อนหรือมีคนในครอบครัวไปบ่อน สัมผัสแรงงานต่างด้าว เป็นต้น จัดเตรียมบุคลากร สถานที่ สำรองทรัพยากร เพียงพอใช้อย่างน้อย 2 เดือน ปรับระบบบริการเพื่อลดความแออัด ป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง รับยาใกล้บ้าน และรักษาทางไกล, เพิ่มเตียง รองรับผู้ติดเชื้อและ PUI โรงพยาบาลสนาม หอผู้ป่วยเฉพาะโรค (Cohort Ward) และเพิ่มศักยภาพการตรวจทางห้องปฏิบัติการรวมทั้ง ให้ อสม.เฝ้าระวัง ตรวจตรา คัดกรองผู้เดินทางจากต่างพื้นที่ เฝ้าระวังกลุ่มเปราะบาง และดูแลจุดที่มีผู้กักตัวที่บ้าน (Home Quarantine) ขอความร่วมมือประชาชน หยุดอยู่บ้าน work from home สวมหน้ากากอนามัยให้ได้ 100% รับประทานอาหารคนเดียวหรือเฉพาะในครอบครัว งดไปสถานที่มีความเสี่ยงสูง กิจกรรมรวมตัวในที่สาธารณะ ในกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เปราะบาง ผู้สูงอายุ เป็นไปได้ให้อยู่บ้าน หากมีผู้ไปเยี่ยมให้สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง
หากมีอาการผิดปกติให้แจ้ง อสม.และโรงพยาบาล สำหรับหน่วยงานต่างๆ ให้งดจัดกิจกรรม ที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อและเปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบ work from home ให้มากที่สุด ส่วนโรงงาน ต้องเคร่งครัดมาตรการป้องกันควบคุมโรค คัดกรองก่อนทำงาน โดยเฉพาะที่มีแรงงานต่างด้าวรายวัน และสถานที่เสี่ยง/กิจกรรมเสี่ยง ร้านอาหาร เปิดได้เฉพาะที่ซื้อกลับบ้าน
สำหรับประเด็นผู้เดินทางจากประเทศอังกฤษ 4 ราย และเข้าสู่กระบวนการกักกันโรค 14 วัน ตรวจพบการติดเชื้อและเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแล้ว เมื่อนำเชื้อไปถอดรหัสพันธุกรรม พบว่าเป็นสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ของอังกฤษ ซึ่งสายพันธุ์นี้มีความสามารถแพร่เชื้อเร็วขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ความรุนแรงไม่เพิ่มขึ้น ไม่ทำให้เกิดการเสียชีวิตมากกว่าปกติ มีระยะฟักตัวเท่าเดิม จึงเชื่อมั่นได้ว่าระบบกักกันโรคของไทยเพียงพอที่จะไม่ทำให้เล็ดลอดออกไปเป็นวงกว้าง และไม่มีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน รวมทั้งการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือสามารถป้องกันโรคได้ ส่วนผู้โดยสารในเที่ยวบินเดียวกัน ไม่พบการติดเชื้อจากรายใด ยังอยู่ระหว่างการกักตัวให้ครบ 14 วัน
“กระทรวงสาธารณสุข มุ่งเน้นที่การส่งเสริมสุขภาพอนามัยส่วนบุคคล และจำกัดการเดินทางไม่ให้เกิดการข้ามจังหวัด ส่วนผู้ที่ไปบ่อนการพนันสถานบันเทิง อาจมีบางส่วนที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ ขอให้เฝ้าระวังสังเกตอาการจนครบ 14 วัน หากป่วยให้ขอรับการตรวจและแจ้งประวัติเสี่ยงกับเจ้าหน้าที่ เพื่อการประเมินได้อย่างถูกต้อง ล่าสุดได้พบการติดเชื้อในครอบครัว เด็กนักเรียน ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการภาครัฐ เพื่อยับยั้งและป้องกันการระบาดไม่ให้เกิดเป็นวงกว้าง”
#TheJournalistClub #โควิด19 #กรมอนามัย #หน้ากากอนามัย #กรมควบคุมโรค