สหรัฐฯโต้ข่าวมั่วแล็บเชื้อโรคใหญ่สุดในโลกอยู่ที่ “กรุงเทพ”

.หลังจีน-WHO แคลงใจเชื้อโควิดหลุดจากรัฐแมรี่แลนด์

.และ “กรุงเทพ” มีห้องแล็บเพาะเชื้อโรคใหญ่สุดในโลก

.ชี้สหรัฐฯ-ไทยจับมือต่อสู้โรคเขตร้อนและพัฒนาวัคซีน

ผู้อำนวยการสถาบัน AFRIMS โต้รายงานชี้ “ห้องทดลองเชื้อโรค” ใหญ่ที่สุดในโลก ซ่อนอยู่ในกรุงเทพฯ ท่ามกลางความสงสัย สหรัฐ – ไทย กำลังร่วมมือวิจัยวัคซีนสู้โควิด

จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียว่า สหรัฐฯกล่าวโทษการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่น ขณะที่จีน และองค์การอนามัยโลก (WHO) สงสัยเชื้อโรครั่วไหลจากรัฐแมรี่แลนด์ และชี้ว่า ห้องแล็บเชื้อโรคใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ที่กรุงเทพฯ นั้น

พันโท แบรนดอน แมคคาร์เตอร์ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารสหรัฐ ออกแถลงการณ์ว่า กว่า 60 ปีที่ผ่านมา กองทัพบกสหรัฐฯและกองทัพบกไทย ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AFRIMS) ในการต่อสู้กับโรคเขตร้อนต่างๆ

เมื่อเร็วๆ นี้ มีการเผยแพร่เอกสารเท็จ และบิดเบือนข้อเท้จจริง เพื่อทำลายชื่อเสียงของสถาบัน และกล่าวหานักวิทยาศาสตร์ไทย และสหรัฐฯหลายร้อยคนที่ปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ และอุทิศตนในสถานบันแห่งนี้ ดังนั้น จึงขอชี้แจงว่า AFRIMS เป็นสัญลักษณ์ความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิผล และมีความสำคัญอย่างยิ่งระหว่างสหรัฐฯ และไทย ซึ่งการดำเนินงานที่นี้ ได้ช่วยชีวิตหลายร้อยล้านชีวิต ทั้งในไทย และทั่วโลก

การทำงานร่วมกันแบบทวิภาคีใน AFRIMS ไม่เพียงแต่ยกระดับเป้าหมายด้านสุขภาพของไทย และสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังช่วยผลักดันเป้าหมายดังกล่าวในทั่วโลกด้วยความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้ไทยเป็นผู้นำด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ในภูมิภาค

สิ่งสำคัญที่สุดคือ อาคาร สถานที่ตั้ง ห้องปฏิบัติการของเรามีมาตรฐานความปลอดภัยสูง และการวิจัยที่ AFRIMS ล้วนมุ่งเน้นการต่อสู้กับโรคประจำถิ่นในไทย และในอาเซียน เช่น มาลาเรีย ไข้เลือดออก ไข้ชิคุนกุนยา ไข้ซิกา ไข้สมองอักเสบเจอี และเชื้อเอชไอวี

ส่วนความร่วมมือที่เป็นงานวิจัยร่วมกัน ได้ช่วยให้เราพัฒนาวัคซีนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง รวมถึงการวินิจฉัยและการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งได้รักษาชีวิตของคนหลายล้านคนทั่วโลก และเราจะยังคงดำเนินภารกิจดังกล่าวต่อไป เช่น เรากำลังสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนเทคโนโลยี mRNA ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผลการศึกษาเบื้องต้น แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มว่า มีความปลอดภัย และมีประสิทธิผลต่อการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของไทย

ความร่วมมือนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯมุ่งมั่นที่จะยืนหยัดเคียงข้างประเทศไทย จนกว่าจะเอาชนะโรคระบาดใหญ่นี้ได้

ตลอดระยะเวลาการดำเนินการของเรา สถาบัน AFRIMS เป็นศูนย์ความร่วมมือหลักของ WHO และภายใต้กลไกดังกล่าว กองทัพบกของไทยและกองทัพบกสหรัฐฯ ได้ตอบโต้การระบาดของโรคต่างๆ ทั่วอาเซียน การสนับสนุนของ AFRIMS ช่วยสร้างความมั่นใจว่า ไทยจะยังคงเป็นผู้นำด้านสาธารณสุข และการแพทย์ในอาเซียน

ทุกสิ่งที่สถาบันได้ดำเนินการนั้น อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายไทย และสหรัฐฯ เพื่อรักษามาตรฐานสูงสุดของห้องปฏิบัติการ ทำให้สถาบัน AFRIMS เป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในโลก สถาบันมีหน่วยงานดูแลห้องปฏิบัติการที่ทำงานอย่างแข็งขัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ห้องปฏิบัติการ สิ่งส่งตรวจ พนักงาน และสาธารณชน มีความปลอดภัย และได้รับการรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา

สหรัฐฯตระหนักดีถึงบทบาทที่สำคัญของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งปลอดภัยและเคร่งครัด ดังที่นักวิทยาศาสตร์ชาวไทย และอเมริกันร่วมมือกันที่สถาบัน AFRIMS ในการช่วยให้เราทุกคนปลอดภัย