สรรพสามิต ขยายเวลายกเว้นภาษีแอลกอฮอลก์ผลิตเจลล้างมือถึง 30 มิ.ย.64

  • มอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ใช้ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 2,000 ลิตร
  • ออกมาตรการป้องกันการขาดแคลนแอลกอฮอล์เพื่อใช้สู้ภัยโควิด

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ในจังหวัดสมุทรสาคร โดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2563 นั้น

วันนี้ (25 ธ.ค. 2563) กรมสรรพสามิตได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ จำนวน 2,000 ลิตร ให้แก่ พลตรี นิธิศ เปลี่ยนปาน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 16 หน่วยงานที่มีพื้นที่รับผิดชอบ 3 จังหวัด คือ จังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมและควบคุมสูงสุด ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งนี้ เพื่อนำไปใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบต่อไป

“การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างหนึ่ง คือ การทำความสะอาดโดยการฆ่าเชื้อโรคด้วยแอลกอฮอล์ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์ เป็นส่วนประกอบ ดังนั้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมีเพียงพอต่อความต้องการและเพื่อส่งเสริมการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จึงได้ออกประกาศกรมสรรพสามิตเรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอใช้สิทธิเสียภาษีในอัตราภาษีศูนย์สำหรับสุราสามทับ ที่นำไปทำการแปลงสภาพ เพื่อใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2563”

โดยประกาศดังกล่าว เป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิเสียภาษีในอัตราภาษีศูนย์ของสุราสามทับ (แอลกอฮอล์) ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เพื่อเป็นการลดต้นทุนทางภาษีให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

ปัจจุบันผู้ประกอบอุตสาหกรรมสุราสามทับ ทั้ง 3 กลุ่ม คือ 1. องค์การสุรา กรมสรรพสามิต (กำลังการผลิต 60,000 ลิตรต่อวัน หรือ 18 ล้านลิตรต่อปี) 2. ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสุราสามทับ เพื่อส่งออก (กำลังการผลิต 365,000 ลิตรต่อวัน หรือ 100 ล้านลิตร ต่อปี) และ 3. กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม เอทานอลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง (กำลังการผลิต 6.3 ล้านลิตรต่อวัน เพื่อใช้ผสมน้ำมัน 4.4 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะเหลือเอทานอลจากการใช้เป็นเชื้อเพลิง 1.9 ล้านลิตรต่อวัน) ได้ผลิตและจำหน่ายแอลกอฮอล์บริสุทธิ์และแอลกอฮอล์แปลงสภาพเข้าสู่ตลาดอุตสาหกรรม การแพทย์ และพลังงาน ได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการแล้ว แต่เมื่อเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้มีความต้องการปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์และแอลกอฮอล์แปลงสภาพเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุข

ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กระทบกับปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ที่ใช้ในด้านการแพทย์ที่มีอยู่เดิม และเพื่อให้ประชาชนมีผลิตภัณฑ์ป้องกันการติดเชื้อจากโรคไวรัสโคโรน่า 2019 อย่างทั่วถึง กรมสรรพสามิตจึงได้ประกาศขยายระยะเวลาการให้สิทธิทางภาษีของสุราสามทับ (แอลกอฮอล์) ดังกล่าว

“กรมสรรพสามิตยังมีความห่วงใยและ ให้ความสำคัญในความปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยขอความร่วมมือประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโคโรนา 2019 เพื่อให้สามารถก้าวผ่านภาวะวิกฤตนี้ไปได้”