สยามพรีเมี่ยม-เซ็นทรัล วิลเลจ เปิดศึก ’เอาท์เล็ต’ จัดโปรหนัก เตรียมพร้อมหลังฉีดวัคซีนเปิดประเทศ 120 วัน

สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตฉลองครบ 1 ปีจัดโปรครั้งใหญ่ระบุช่วงแรกเปิดให้บริการลูกค้าเข้ามา 2-3 หมื่นคน/วันแต่เมื่อเจอการแพร่ระบาดหลายรอบลูกค้าหายหน้าเหลือเพียง 3 พันคนเดินหน้าเปิดกลยุทธ์ Smart Marketing เข้าถึงกลุ่มลูกค้าขณะที่  ‘เซ็นทรัลวิลเลจเปิดศึกโปรโมชั่นซ้อมรับนโยบายเปิดประเทศ

นายไมเคิล ถัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ผู้ดูแลโครงการ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดเผยว่า มาตรการเปิดประเทศ 120 วันตนขอมองสองด้านคือ 1. มีความเป็นไปได้ ซึ่งบริษัทจะต้องเตรียมแผนการตลาดเพื่อรุกธุรกิจต่อไปเพราะธุรกิจเอาท์เล็ตต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก  แฃละหากฉีดวัคซีนครบเศรษฐกิจน่าจะกลับมาได้ 2. เป็นไปไม่ได้ บริษัทจะต้องกลับมาดูแผนธุรกิจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป 

แต่ขณะนี้กลยุทธ์การทำตลาดของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตยังคงเน้นกลุ่มเป้าหมายคนไทยและชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย โดยเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อโดยกลยุทธ์ Smart Marketing  จะมุ่งเน้นการสร้างรับรู้ว่า สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต ให้กลุ่มเป้าหมายผ่านแพล็ตฟอร์มดิจิทัล  แต่ต้องควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ดี

สำหรับการเปิดให้บริการครบ 1 ปี นับว่าผ่านการแพร่ระบาดมาหลายระลอกจากการเปิดให้บริการตั้งแต่ 19 มิ.ย.63 ที่ผ่านมาในช่วงแรกมีลูกค้าให้การตอบรับสูงเฉลี่ยวันละ 20,000-30,000 ราย รถติดยาวไปถึงมอเตอร์เวย์ แต่ตัวเลขลดลงเหลือ 5,000 คน และช่วงแพร่ระบาดรอบสามลดลงเหลือ 3,000 คน จนถึงขณะนี้กลับมาที่ 5,000 คน

ปรับตัวฝ่าวิกฤตโควิดดึงดูดผู้ใช้บริการกว่า 2 ล้านคน

สำหรับ 1 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น แต่การปรับตัวของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต ทำให้สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าพอใจ โดยเปิดร้านค้าแบรนด์ชั้นนำรวมเป็น 125 ร้านดัง คิดเป็น 91% ของพื้นที่ (ข้อมูลถึงมิ.ย. 2564) สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการกว่า 2 ล้านคน โดยมีสัดส่วนเป็นผู้หญิง 65% และผู้ชาย 35% คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ สามารถดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการได้อีกมากกว่าล้านคน

ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งภายในสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต เฉลี่ยอยู่ที่ 1,400 – 1,500 บาทต่อคน ซึ่งค่อนข้างน่าพอใจและเหนือความคาดหมาย เนื่องจากสถานการณ์ของโรคระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทมุ่งมั่นทำตลาดเจาะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อภายในประเทศ ในทางกลับกันหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ คาดว่ายอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะเพิ่มสูงขึ้นมาก

เดินหน้านำเสนอสินค้าและบริการระดับโลกตลอดปี 2564

ปี 2564 นี้เป็นอีกปีที่ท้าทาย เพราะสถานการณ์โรคระบาดยังอยู่กับคนไทยและคนทั้งโลก ทำให้นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินทางได้ ส่วนประเทศไทยมีการคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะขยายตัวในระดับต่ำ 1-2% และการฟื้นตัวจะเริ่มดีขึ้นปีหน้า นักท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต 10-15% กระทั่งปี 2566-2567 จึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ต้องวางกลยุทธ์การตลาด เพื่อรองรับผู้ใช้บริการ


ทั้งที่เข้ามาจับจ่ายที่ศูนย์และสั่งซื้อผ่านบริการออนไลน์ต่าง ๆ โดยจัดโปรโมชั่นเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยเป็นหลัก 95% และชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย 5% 

ในปี 2564 นี้ มีร้านดังที่ทยอยเปิด Reebok, Browne & Co.,  U by Ungaro, Pierre Cardin, Vintel, Josilins, Alphakid และแบรนด์ดังที่จะเปิดเพิ่มครึ่งปีหลัง ได้แก่ Longchamp ซึ่งจะเปิด Exclusive Outlet แห่งแรกที่ ในเดือนสิงหาคมนี้ รวมถึงร้าน Ecco

ฉลองครบรอบ 1 ปีกับแคมเปญ “FIRST ANNIVERSARY”

เพื่อฉลองครบรอบ 1 ปี สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตได้ผนึกพันธมิตรเพื่อจัดแคมเปญและโปรโมชั่นเอาใจนักช้อปที่เดินทางมาช้อปปิ้ง กับแคมเปญ “FIRST ANNIVERSARY” ลดสูงสุด 80% ช้อปครบ 3,000 บาท รับ Gift Voucher จากร้านค้าที่ร่วมรายการ สูงสุด 500 บาท จัดเต็มเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 18,000 บาท ถึง 18 ก.ค. 64 นี้ รวมทั้งลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตที่ร่วมรายการรับเครดิตเงินคืนตามเงื่อนไข และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมาย

เซ็นทรัล วิลเลจ อัดโปรลดสูงสุด 90% 

ทางด้าน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย โดยณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด  กล่าวว่า มีมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ทั่วโลกรวมทั้งภายในประเทศกำลังมีแนวโน้มดีขึ้น จากปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งกระจายวัคซีนแก่ประชาชน, การตั้งเป้าเปิดประเทศใน 120 วัน และการเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการในธุรกิจต่างๆ ของ เป็นต้น 

เดินหน้าแคมเปญดีที่สุดแห่งปี ลดสูงสุด 90% ‘Super Brand Grand Sale 2021’ กับ 220 แบรนด์ลักชูรี่ชั้นนำระดับโลก ช้อปชาร์จความสุข เริ่มแล้ววันนี้ – 31 ก.ค 2564 ช่วยกระตุ้นยอดขายและเพิ่มทราฟฟิกภายในศูนย์ฯ พร้อมเดินหน้าเศรษฐกิจประเทศ สะท้อนความเป็นผู้นำลักชูรี่  เอาท์เล็ตตัวจริงแห่งแรกในไทย

จากการปรับตัวเร็ว รุกตลาดออนไลน์ สามารถสร้างยอดขายออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 145% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง โดยแบ่งเป็นคนกรุงเทพฯ 70% และต่างจังหวัดและอื่นๆ 30% 

เน้นสร้างลักชูรี่เอาท์เล็ตที่เป็นมากกว่าเดสติเนชั่นการช้อปปิ้งแบรนด์เนม ด้วยการเจาะ Lifestyle insight เข้าถึง เข้าใจลูกค้า เสริมแกร่งวิสัยทัศน์การเป็น Center of Life ศูนย์กลางการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ด้วยการสร้าง Community หลากหลายจับกลุ่มลูกค้า Hi-end

เพื่อกระตุ้นคนไทยให้มาช่วยกัน ช้อปเพื่อสร้างเงินสะพัดให้เศรษฐกิจหมุนเวียน และช่วยร้านค้าเร่งระบายสินค้าที่อาจจะชะลอในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมา พร้อมโปรโมชั่น on-top ที่พลาดไม่ได้ โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกได้ประมาณ 20%