สภาพัฒน์ระบุตั้งแต่โควิดซัดทำสังคมไทยว่างงานเพิ่มขึ้นสูงสุด

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)เปิดเผยว่า สถานการณ์การว่างงานในไตรมาส 3/ 2564 เพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่มีการระบาดของโควิด โดยมีผู้ว่างงาน 8.7 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 2.25% ซึ่งอัตราว่างงานอยู่ที่ 5% โดยพบว่าผู้ที่มีการว่างงานสูงสุด 3.63% เป็นผู้ที่มีศึกษาระดับอุดมศึกษา รองลงมาเป็น ปวส. 3.16%คาดการณ์การจ้างงานจะลดลงหลังจากรัฐบาลเปิดประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้ง แต่ที่สำคัญ อย่าให้มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นอีกรอบ หรือให้การแพร่ระบาดอยู่ในวงจำกัด

อย่างไรก็ตามขณะที่หนี้สินครัวเรือนขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อจีดีพีแม้ว่าจะปรับลดลงเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ด้านคุณภาพสินเชื่อต้องเฝ้าระวังหนี้เสียจากบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นไตรมาส 2/64 หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 14.27 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.0% จาก 4.7%ในไตรมาสก่อน หรือคิดเป็นสัดส่วน 89.3% ต่อจีดีพี ลดลงจาก90.6% ในไตรมาสที่ผ่านมาจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวเร็วกว่าหนี้สินครัวเรือน ยังต้องเฝ้าระวังหนี้บัตรเครดิตที่มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น  

ทั้งนี้สาเหตุจากรายได้ครัวเรือนยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่  กระทบต่อสภาพคล่องและความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือน และผลกระทบของอุทกภัยทำให้ครัวเรือนต้องก่อหนี้เพื่อนำมาซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการก่อหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค ซึ่งรวมถึงการก่อหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นพบว่า มีมูลค่าหนี้นอกระบบรวม 85,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีเพียง 56,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 1.5 เท่าจากปี 2562  

นายดนุชา กล่าวต่อว่า แนวโน้มในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ การว่างงานน่าจะลดลง เนื่องจากมีการเปิดประเทศแล้วกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาเดินหน้าต่อไป หากไม่มีปัญหาการระบาดโควิดอีกรอบ หรือมีการระบาดที่มีวงจำกัด และมีการจัดการได้รวดเร็ว

สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในระยะถัดไปการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยว และการฟื้นฟูเศรษฐกิจผลกระทบของอุทกภัยต่อแรงงานภาคเกษตรและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ภาระค่าครองชีพที่อาจปรับเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องการจัดการปัญหาการสูญเสียทักษะจากการว่างงานเป็นเวลานานและการยกระดับทักษะให้กับแรงงานการส่งเสริมให้แรงงานที่ประกอบอาชีพอิสระที่ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ของสำนักงานประกันสังคม เพื่อรับการช่วยเหลือเยียวยาให้เป็นผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง