“สภาดิจิทัล” ลุยโรดโชว์สิงคโปร์ ร่วมเวที SVCA Conference 2023

  •  พบ VC รายใหญ่ระดับโลก 
  • ชวนให้เข้ามาลงทุนในไทย เสริมแกร่งเศรษฐกิจ 
  • ดันไทยสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมของภูมิภาค 

นายศุภชัย เจียรวนนท์   ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย  เปิดเผยว่า ได้นำคณะกรรมการสภาดิจิทัลฯ ไปร่วมประชุมเครือข่ายนักลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้SVCA Conference 2023 ที่จัดโดย สมาคมผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุนสิงคโปร์  เพื่อแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้ระหว่างกัน  เนื่องจากโลกปัจจุบันกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ 6 ประการ ได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงหลายขั้วในภูมิทัศน์โลก 2) ความเหลื่อมล้ำและความมั่นคงทางอาหาร 3) ความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ 4) การเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลด้วย AI, IOT ผู้นำด้านนวัตกรรมและผู้ประกอบการรายใหม่ 5) พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนสู่อีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย C2C, Metaverse และ Social Media และ 6) สังคมสูงวัย และการดูแลสุขภาพ  

“สิ่งสำคัญที่ประเทศไทยจะสามารถก้าวข้ามความท้าทายในระดับโลกได้ คือ การทรานส์ฟอร์มประเทศไทย ขับเคลื่อนประเทศสู่ยุค 5.0 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านดิจิทัล มีพันธกิจยุทธศาสตร์สำคัญใน 5 ด้าน ได้แก่ 1) การกำหนดมาตรฐานและตัวชี้วัดด้านดิจิทัล 2) การสร้างความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน 3) การพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ด้านดิจิทัล 4) การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และ 5) การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของภูมิภาค รวมทั้งการขับเคลื่อนด้านสังคมและวัฒนธรรมดิจิทัลของประเทศชาติ “

นายศุภชัย  กล่าวว่า ปัจจุบัน สภาดิจิทัลฯ มีความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ในด้านการลงทุนและกำลังคนในมิติอื่นๆ อาทิ มาตรการยกเว้นภาษี หรือ Capital Gains Tax เป็นเวลา 10 ปี แก่นักลงทุนไทยและต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในสตาร์ตอัปไทย ภายใต้อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะช่วยสนับสนุน ส่งเสริมให้สตาร์ตอัปไทยสามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้เพิ่มขึ้น เสริมสร้างการลงทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้ง ภาษีเงินได้ 17% สำหรับชาวต่างชาติทักษะสูง เมื่อทำงานในไทย ตลอดจน การส่งเสริมให้เกิดการระดมทุนผ่านตลาดหุ้นใหม่สำหรับ Startup และ SME ภายใต้ชื่อ LIVE EXCHANGE และสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับค่าการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะลูกจ้าง และการจ้างงานสายเทคโนโลยี เป็นต้น ทั้งนี้ สภาดิจิทัลฯ มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมผลักดันให้เกิดนโยบาย และมาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน” ประธานสภาดิจิทัลฯ กล่าว  

นอกจากนี้ จุดแข็งของประเทศไทยที่มีความได้เปรียบในการเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการลงทุน เพราะมีตลาดหุ้นที่เข้มแข็ง (Capital Market) บ่งชี้ได้จากในปี 2565 มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในอาเซียน และยังเป็นประเทศที่ที่มีการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นออกใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ Initial Public Offering (IPO) ได้สูงสุดในอาเซียน โดยมีมูลค่ารวมถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์ จากการระดมทุน IPOs 42 ครั้งในปี 2565 นอกจากนั้น ยังมีการขับเคลื่อนการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1) อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งประเทศไทยจัดอยู่ใน Top-10 ด้านการเป็น EV hub ที่มีประสิทธิภาพของโลก 2) การเป็นฮับของอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะในภูมิภาคอาเซียน (New Smart Electronic Hub) 3) การมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางการแพทย์ (Medical Hub) 4) ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร (Agriculture and Food) อย่างแข็งแกร่ง รวมไปถึงการเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง เนื่องจากมีการเชื่อมต่อกับกลุ่มอาเซียนในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (CLMV) จีน และอินเดีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสและศักยภาพของประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อมุ่งสู่ศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค อีกทั้งเป็นกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต 

“สิงคโปร์และไทยต่างเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหมือนกัน และเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็ว ปัจจุบันสิงคโปร์มีสตาร์ตอัปกว่า 50,000 ราย ขณะที่ประเทศไทยมีสตาร์ตอัปค่อนข้างน้อย คือมีประมาณ 1,000 รายเท่านั้น สตาร์ตอัปไทยมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ราย หากได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนที่เหมาะสม และเมื่อนั้น VC ก็จะเข้าลงทุนในสตาร์ตอัปไทย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งพลังที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง”

สำหรับ SVCA Conference 2023 จัดขึ้นโดยสมาคมผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุนสิงคโปร์ (Singapore Venture Capital & Private Equity Association (SVCA)) เป็นงานสำคัญที่รวบรวมนักลงทุนในสตาร์ตอัปที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการลงทุน โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมและวางแผนการลงทุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ยังเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือกับผู้นำด้านการลงทุนทั่วโลก ทั้งนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมและเสวนาส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจและการลงทุนของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต