สปสช.ชวนคนไทยฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ “ฟรี” ถึง 31 ธ.ค.นี้



  • ลดความสับสนตรวจวินิจฉัยและรักษา
  • “โรคไข้หวัดใหญ่-โควิด”ฉีดพร้อมกันได้
  • ขยายครอบคลุมเพิ่มอีก 3 กลุ่มเสี่ยง

21 พฤศจิกายน 2564 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นสิทธิประโยชน์ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่ สปสช.ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดูแลประชาชนทุกสิทธิการรักษา มาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีนี้ได้เพิ่มกลุ่มเป้าหมายบุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด-19 และประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีการรวมตัวกัน เช่น ชุมชนแออัด ตลาด โรงเรียน ขนส่งสาธารณะ รับบริการเพิ่มเติม ซึ่งถือว่าได้ครอบคลุมคนไทยทุกคน

ทั้งนี้ ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคที่รุนแรงและเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งช่วยลดความสับสนในการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาระหว่างโรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 ได้ โดยประชาชนสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมกับวัคซีนโควิด-19 ได้ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข ตามรายละเอียดหนังสือ ที่ สธ. 0410.12/ ว922 ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 ถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เรื่อง “คำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19” โดยมีสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า ให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมกับวัคซีนโควิด-19 ได้

นพ.จเด็จ กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2564 สปสช.ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ที่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ได้ทุกแห่ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม. และคลินิกเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ หรือสถานพยาบาลตามสิทธิที่ท่านไปรักษาเป็นประจำ แนะนำให้โทรนัดรับบริการล่วงหน้าก่อน เพื่อลดความแออัดในการเข้ารับบริการวัคซีน

ทั้งนี้ กลุ่มเสี่ยงเดิมที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี เป็นประจำทุกปี ได้แก่ 1.หญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หอบหืด ไตวาย หลอดเลือดสมอง เบาหวานและผู้ป่วยมะเร็ง ที่อยู่ระหว่างการได้รับยาเคมีบำบัด 3. ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 4.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 5.ผู้พิการทางสมอง ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อHIVที่มีอาการ) 7. ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตาราเมตร

อย่างไรก็ตามในปี 2564 เนื่องจากอยู่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 จึงได้มีการขยายเพิ่มเติมอีก 3 กลุ่มเสี่ยงครอบคลุมทุกช่วงอายุ เพื่อทำให้ประชาชนปลอดภัยมากขึ้น ได้แก่ 8.บุคลากรหรือผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 9. กลุ่มที่อยู่สถานที่มีการรวมตัวของประชากรจำนวนมาก เสี่ยงต่อการระบาด เช่น ชุมชนแออัด โรงเรียน ตลาด ผู้ขับขี่รถสาธารณะ และ 10. กลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ขึ้นกับสถานการณ์ ซึ่งถือว่าครอบคลุมคนไทยทุกคน ดังนั้นจึงขอเชิญคนไทยทุกสิทธิการรักษาไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564

ทั้งนี้ กลุ่มเสี่ยงเดิมที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี เป็นประจำทุกปี ได้แก่ 1.หญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หอบหืด ไตวาย หลอดเลือดสมอง เบาหวานและผู้ป่วยมะเร็ง ที่อยู่ระหว่างการได้รับยาเคมีบำบัด 3. ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 4.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 5.ผู้พิการทางสมอง ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อHIVที่มีอาการ) 7. ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตาราเมตร

อย่างไรก็ตามในปี 2564 เนื่องจากอยู่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 จึงได้มีการขยายเพิ่มเติมอีก 3 กลุ่มเสี่ยงครอบคลุมทุกช่วงอายุ เพื่อทำให้ประชาชนปลอดภัยมากขึ้น ได้แก่ 8.บุคลากรหรือผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 9. กลุ่มที่อยู่สถานที่มีการรวมตัวของประชากรจำนวนมาก เสี่ยงต่อการระบาด เช่น ชุมชนแออัด โรงเรียน ตลาด ผู้ขับขี่รถสาธารณะ และ 10. กลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ขึ้นกับสถานการณ์ ซึ่งถือว่าครอบคลุมคนไทยทุกคน ดังนั้นจึงขอเชิญคนไทยทุกสิทธิการรักษาไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564