สธ.เผยผู้ป่วยเข้าถึงยากัญชาได้เกินเป้า วางแผนปี 2566 วิจัยขยายกลุ่มโรค



  • ติดตามผลกระทบ
  • นำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรมต่างๆภายในกระทรวงสาธารณสุข ได้สรุปผลการดำเนินงานปี 2565 ซึ่งสามารถขับเคลื่อนจนทำให้ผู้ป่วยร้อยละ 154.38 เข้าถึงยากัญชาได้เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และปี 2566 กรมการแพทย์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และกรมสุขภาพจิต จัดทำการวิจัยเพื่อขยายกลุ่มโรค และเสนอเข้าสู่หลักประกันสุขภาพ จะทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้มากขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

สำหรับปี 2566 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจะดำเนินการปรับสถานะยาน้ำมันเดชา จากบัญชี 3 ของบัญชียาหลักแห่งชาติ ให้มาเป็นบัญชี 1 เพื่อให้สามารถสั่งจ่ายได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แผนงานในปี 2566 ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คือพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากกัญชาสายพันธุ์ไทยให้ภาคเอกชน

นพ.ประพนธ์กล่าวว่า สธ.ได้พัฒนาระบบการเฝ้าระวัง ตั้งแต่ระดับชุมชน โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้ทำงานกับ อสม. ในการให้เป็นแกนนำในการเฝ้าระวังและให้ข้อมูลกัญชาที่ถูกต้องกับผู้ป่วย ส่วนกรมการแพทย์และกรมสุขภาพจิต

ได้ติดตามผลกระทบจากการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด ผ่านฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขและของกรม ซึ่งยังไม่พบตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคและปกป้องกลุ่มเปราะบาง ทั้งการออกประกาศกระทรวงกำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม

โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ส่วนกรมอนามัย ออกกฎกระทรวงและประกาศกรมอนามัยในการควบคุมกำกับการสูบในที่สาธารณะและการนำกัญชาไปใส่ในอาหาร ด้านกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้จัดทำชุดทดสอบ 3 ชุด ได้แก่ cannabis rapid test ใช้ทดสอบตัวอย่างว่ามีกัญชาเป็นองค์ประกอบหรือไม่, THC test kit ใช้ตรวจแยกกัญชาและกัญชง และ test kann ใช้ตรวจวัดปริมาณ THC ในสารสกัดและน้ำมันกัญชาที่ 0.2% ต่อน้ำหนัก ส่วนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกสำรวจปริมาณ THC, CBD และสารปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์กัญชา และได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ประกอบการที่ผลิตผลิตภัณฑ์ไม่ได้คุณภาพ และปี 2566 จะตรวจสอบให้มากขึ้น นอกจากนี้ สธ.จะเน้นเรื่องการสร้างความสมดุลของการใช้และความปลอดภัย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์และบริการในท้องตลาด ที่จะนำข้อกฎหมายมาบังคับใช้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเน้นการสร้างความรอบรู้ให้ผู้บริโภคและผู้ป่วย.