

วันนี้ (4 ก.พ.65) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 และเสียชีวิต ค่าเฉลี่ยรอบ 7 วัน โดยจุดสูงสุดของการติดเชื้อระดับโลกได้ผ่านไปแล้ว จุดสูงสุดอยู่วันที่ 28 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เสียชีวิตยกตัวบ้าง แต่ไม่ได้สูงมาก แสดงว่าไม่ได้รุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่การติดเชื้อมากๆทำให้จำนวนเสียชีวิตเพิ่มสูงบ้าง ขณะที่ข้อมูลจุดสูงสุดการติดเชื้อของแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.64 ซึ่งเป็นพื้นที่เจอ “โอมิครอน” ก่อนใคร แต่ได้ผ่านพ้นไปแล้วก่อนปีใหม่
ขณะที่อังกฤษจุดสูงสุดอยู่วันที่ 8 ม.ค.65 ขณะนี้จำนวนติดเชื้อลดลงมาบ้างแล้ว ส่วนสหรัฐจุดสูงสุดอยู่วันที่ 16 ม.ค.65 ของฝรั่งเศสอยู่ที่วันที่ 28 ม.ค.65 ก็ผ่านมาแล้ว
“ส่วนประเทศไทยตัวเลขค่าเฉลี่ยสูงสุดติดเชื้ออยู่วันที่ 17 ม.ค. 65 ซึ่งเรามีมาตรการ ทำให้จำนวนการติดเชื้อชะลอลงได้เป็นอย่างดี” นพ.เฉวตสรร กล่าว
ทั้งนี้ การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนของไทยเป็นผลพวงมาจากเทศกาลปีใหม่ที่มีการกินดื่มสังสรรค์กันมาก โดยกลุ่มที่พบการติดเชื้อสูงสุดเป็นวัยผู้ใหญ่อายุ 20-29 ปี จำนวน 21.5% รองลงมาเป็น 30-39 ปี จำนวน 18.7% และ40-49 ปี จำนวน 14.2% ตัวเลขที่น่าสนใจคือกลุ่มเด็กอายุ 0-9 ปี เริ่มมีการติดเชื้อมากขึ้นที่ 10.3%
สำหรับฉากทัศน์คาดการณ์การระบาดโควิด แม้ช่วงแรกประเทศไทยจะขึ้นไปตามกราฟสีเทาหรือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดติดเชื้อ 3 หมื่นราย แต่ด้วยการเคร่งครัดมาตรการ VUCA ทำให้ยอดการติดเชื้อของไทยกลับมาอยู่ระดับต่ำกว่าเส้นสีเขียว หรือระดับต่ำสุด แม้วันนี้จะมียอดการติดเชื้อเฉียด 1 หมื่นคน แต่ถือว่ายังเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้แต่ต้นไม่ได้สูงกว่าที่คาดการณ์แต่อย่างใด
ขณะที่ฉากทัศน์คาดการณ์การเสียชีวิตจากโควิดนับว่าไทยทำได้ต่ำกว่าเส้นสีเขียวที่กำหนดไว้ ถือว่าเป็นผลมาจากความร่วมมือกันของประชาชน ในปัจจุบันยอดการติดเชื้อในไทยเฉียดหมื่นคน โดยยอดเสียชีวิตยังมาจากกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือรับวัคซีนมานานแล้ว จึงอยากขอเชิญชวนประชาชนเข้าฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ส่วนกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรังและผู้สูงวัยจะมีโปรแกรมฉีดเข็มที่ 4 ตามมา ส่วนมาตรการ UP จะช่วยให้เราคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลงให้อยู่ในระดับที่คุมได้