สธ.ชี้ตัวเลขโควิดยังแกว่งต้องจับตาใกล้ชิด แจง “ไฟเซอร์”ไม่ได้หาย แค่ยังไม่ได้เอามาฉีด

วันที่ 9 กันยายน 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า สำหรับการติดเชื้อในเรือนจำวันนี้ที่พบเกิน 100 ราย คือ จ.อุดรธานี 415 ราย และ จ.พระนครศรีอยุธยา 181 ราย แต่มีระบบ รพ.สนาม การกักตัว เฝ้าระวังภายในเรือนจำ ความเสี่ยงไม่ได้ออกมาปะปนประชาชนภายนอก ส่วนอาการหนักปอดอักเสบช่วง 7 วันที่ผ่านมา แนวโน้มลดลง จาก 4,740 ราย ในวันที่ 2 ก.ย. เหลือ 4,364 ราย ในวันที่ 8 ก.ย. การใส่ท่อหายใจก็ลดลงเช่นกันจาก 1,011 ราย เหลือ 940 ราย ภาพรวมจะเห็นแต่ละจังหวัดเป็นสีเหลืองและสีเขียว หวังว่าจะเป็นสีเขียวยาวนาน และมีจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การกลับไปรักษาตัวภูมิลำเนาน้อยลง ทำให้มีเตียงว่างสำหรับรับอาการเสี่ยงสูงหนักมากขึ้น

“สำหรับประเทศไทย หลังจากผ่านจุดสูงสุดของการระบาดมาแล้ว วันนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ 16,031 ราย ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น เป็นสัญญาณน่ากังวลหรือไม่นั้น ถือว่าตัวเลขมีการแกว่งตัวขึ้นในวันเดียว จึงต้องจับตามองไปก่อนว่าจะเป็นอย่างไร เพราะต้องดูแนวโน้มเป็นค่าเฉลี่ย ดูว่ามีเป็นคลัสเตอร์จุดใด หรือไม่ อย่าเพิ่งกังวลใจ เพราะต้องดูประกอบกับตัวเลขหลายตัว เพื่อประเมินสถานการณ์” นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า มีการดูตัวเลขตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ในช่วง 2 สัปดาห์ที่จะพิจารณาจากนี้ไป จะมีการเปิดกิจกรรมกิจการเพิ่มเติม หรือดำเนินการอย่างไร หากยังไม่น่าวางใจ ก็มีส่วนตรึงมาตรการต่อ แต่ถ้าตัวเลขสิ่งชี้วัดทุกอย่างไปในทางคลี่คลาย น่าจะเปิดกิจกรรมกิจการมากขึ้น

“ภาพแนวโน้มที่แกว่งตัวขึ้นเล็กน้อย หวังว่า พรุ่งนี้ (10 ก.ย.64) ถ้าตัวเลขลงมาอีก ก็อาจจะยังเห็นตัวเลขลดลงได้ต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มสูงนั้น พบว่า กรุงเทพมหานครและปริมณฑลไม่ค่อยเพิ่มสูงเท่าไร มาจากจังหวัดอื่นๆ มากกว่า อย่างไรก็ตาม ขอให้ดูแลป้องกันตัวเองสูงสุดทุกที่ ทุกเวลา”

ส่วนที่หลายคนกังวลว่า มีการตรวจหาเชื้อน้อยลงหรือไม่นั้น ช่วงที่มีการะบาดจำนวนมาก ก็มีการตรวจหาเชื้อเชิงรุกที่เกี่ยวเนื่องไปในผู้สัมผัส

“แต่ช่วงการระบาดมีแนวโน้มลดลง แต่ละจุดอาจจะไม่ได้มีผู้สัมผัสในวงเยอะมาก เหมือนขาขึ้น ทำให้การตรวจน้อยลงตามไปด้วย พื้นที่ใดติดเชื้ออัตราลดต่ำลงมาก จำนวนการติดรายใหม่ลดต่ำลงมาก ภาระงานก็เบามือลงไป แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราจัดระบบเฝ้าระวังพิเศษ สุ่มตรวจในกลุ่มเสี่ยง เช่น กรุงเทพฯ เตรียมแผนสุ่มตรวจคนทำงานในตลาดต่างๆ โดยเฉพาะแรงงาน แรงงานต่างด้าว” นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ส่วนไฟเซอร์ที่หลายคนจับตาฉีดได้กว่าล้านโดสแล้ว โดยเป็นเข็มแรก 391,074 โดส เข็ม 2 ประมาณ 163,017 โดย และเข็มที่ 3 อีก 394,777 โดส ยืนยันว่าวัคซีนไม่มีสูญหายและไม่ให้สูญเสีย เมื่อส่งไปถึงพื้นที่อุณหภูมิตู้เย็นปกติ อายุจะสั้นลงมากเพียง 30 วันเท่านั้น การจัดส่งจึงต้องทยอยส่ง ฉีดแล้ว 9 แสนกว่าโดส เหลืออีก 6 แสนโดสอยู่ที่ไหน เรียนว่า ส่วนของการฉีดเข็มกระตุ้นในกลุ่มบุคลากรทางการแทพย์น่าจะครบถ้วนแล้ว อาจจะมีเก็บตกเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้มที่กระจายไปฉีดเข็ม 1 และ 2 ในกลุ่มเสี่ยง 608 เมื่อฉีดเข็ม 1 แล้ว เว้น 3-4 สัปดาห์ต้องฉีดเข็ม 2 นั่นคือส่วนที่ต้องเก็บไว้ แต่ไม่ได้เก็บไว้ส่วนกลาง แต่ทยอยส่งไปพื้นที่ เพื่อถึงวันนัดเข็ม 2 ก็จะรับการฉีดตามกำหนด และส่วนหนึ่งที่วัคซีนให้ชาวต่างชาติที่อยู่อาศัยถูกต้องในประเทศไทย ขอเข้ารับการฉีดผ่านเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งกำหนดชัดเจนแต่ต้นอยู่แล้ว