สงกรานต์ปี 66 สุดคึก! เงินสะพัดกว่า 1.25 แสนล้านบาท

.มากกว่าปี 65 แต่ต่ำกว่าก่อนโควิดปี 62 ที่สูงถึงกว่า 1.35 แสนล้าน
.วัยรุ่นเมินโควิด-ฝุ่นจิ๋วออกไปเล่นน้ำ ท่องเที่ยวหลังอั้นมานาน
.คนไทยหวังรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง คอร์รัปชัน

นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมใช้จ่ายผู้บริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 66 ว่า สงกรานต์ปีนี้ บรรยากาศคึกคักมาก ผู้คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะวัยรุ่นและคนหนุ่มสาว ที่แม้มีปัญหาโควิด-19 และฝุ่นพีเอ็ม 2.5 แต่จะออกไปเล่นน้ำ ท่องเที่ยว รวมถึงกลับภูมิลำเนาแน่นอน ส่งผลให้มีมูลค่าใช้จ่ายถึง 125,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% เทียบปี 65 ที่ใช้จ่าย 106,772 ล้านบาท แต่ลดลง 7.8% เทียบปี 62 ก่อนโควิด ที่มูลค่าสูงสุด 135,837 ล้านบาท

สำหรับการใช้จ่าย จะมีทั้งทำบุญ ไปเล่นน้ำ สังสรรค์/จัดเลี้ยง ทำอาหารที่บ้าน ทานข้าวนอกบ้าน ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงเดินทาง โดยผู้ตอบมากถึง 72.8% วางแผนไปเที่ยวและทำกิจกรรมในจังหวัดที่ตนเองอยู่ ไปเที่ยวในและต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากปี 65 ที่วางแผนเดินทาง 52.4% โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับท่องเที่ยวในประเทศคนละ 7,091 บาท และต่างประเทศคนละ 45,681 บาท

ทั้งนี้ เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จะไปเลือกหรือไม่ ผู้ตอบทุกกลุ่ม ทุกช่วงอายุตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน วัยกลางคนไปจนถึงผุ้สูงอายุ รวมกันมากถึง 89.6% ไปเลือกแน่นอน ส่วนอีก 6.5% ไม่แน่ใจ และอีก 3.9% ไม่ไป โดยให้คะแนนความคาดหวังว่า รัฐบาลชุดใหม่จะแก้ปัญหาประเทศได้ ที่ 8 คะแนนจากเต็ม 10

ขณะที่สิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลใหม่แก้ไขมากที่สุด คือ ปากท้อง ความยากจน หนี้สิน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม, ฟื้นฟูเศรษฐกิจ, แก้ปัญหาคอร์รัปชัน, ควบคุมค่าครองชีพให้เหมาะสม, ปรับปรุงระบบการศึกษา, เพิ่มเติมรัฐสวัสดิการ, ออกมาตรการสนับสนุนแรงงาน โดยเฉพาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น พร้อมกับคาดว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 2.5-3%

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า สงกรานต์คึกคักมาก ประชาชนอั้นมานาน แม้มีปัญหาโควิด และฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ก็จะออกมาเล่นน้ำ และท่องเที่ยว และจะเป็นสงกรานต์ของวัยรุ่นและทันสมัยมากขึ้น เพราะคนที่ตอบจะออกมาเล่นน้ำส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น แม้มีมูลค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับปี 59 ที่ 124,542 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยดี แต่คนส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะปีนี้การส่งออกชะลอตัว เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นเต็มที่ และเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณชะลอตัว

สำหรับการใช้จ่ายในช่วงสงกรานต์ที่มากขึ้น และการใช้จ่ายโดยรวมเริ่มกลับมา และประกอบกับ การหาเสียงเลือกตั้ง ที่คาดจะมีเงินใช้จ่ายในการหาเสียงประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 120,000 ล้านบาท รวมถึงการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวมากขึ้น น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 3-4% ตามกรอบที่ศูนย์ฯได้คาดการณ์ไว้

“หลังเลือกตั้ง ต้องการให้จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างรวดเร็ว และเดินหน้าจัดทำงบประมาณปี 67 ในทันที เพื่อให้ใช้งบได้เร็ว แม้การใช้งบอาจล่าช้าจากเดือนต.ค.นี้ อาจไปถึงต้นปีหน้า ส่วนการใช้งบเดิมไปพลางก่อนในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ สำคัญมาก รัฐบาลต้องเร่งผลักดันการใช้งบ เพื่อให้เศรษฐกิจยังมีแรงส่งให้เดินหน้าต่อไปได้”