ศบศ.เห็นชอบมาตการใหม่ “ช้อปดีมีคืน”ซื้อสินค้า 30,000 บาท ได้ลดหย่อนภาษี เลือกเข้าโครงการนี้ หรือ “คนละครึ่ง”

  • เริ่ม 23 ต.ค.-31 ธ.ค.2563
  • “สุพัฒนพงษ์”เผย 3 เดือนมีเงินเข้าระบบ 2 แสนล้านบาท
  • ขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกัน สิ้นสุด 31 ม.ค. 2564

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ(ศบศ.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ศบศ.ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ภายใต้ “มาตรการช้อปดีมีคืน” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เป็นการลดหย่อนภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2563 ที่ซื้อสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 30,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.-31ธ.ค.2563 แต่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งว่าจะเข้าร่วมโครงการนี้ ก็จะได้ลดหย่อนภาษีตามฐานการจ่ายภาษีของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน หรือจะร่วมโครงการคนละครึ่ง ที่รัฐบาลให้เงินสูงสุด 3,000 บาท กับประชาชน 10 ล้านคน ใช้ได้สูงสุดวันละ 150 บาท แต่ต้องนำเงินตัวเองมาจ่ายครึ่งหนึ่งด้วย

ทั้งนี้ จากการประชุม ศบศ. 4 ครั้งที่ผ่านมาด้วยการออกมาตรการต่างๆ จะทำให้ช่วง 3 เดือนนี้มีเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 200,000 ล้านบาท มาจากการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 21,000 ล้านบาท โครงการคนละครึ่ง 60,000 ล้านบาท (เป็นเงินของรัฐบาล 30,000 ล้านบาทและเงินของประชาชน 30,000 ล้านบาท) มาจากช้อปดีมีคืน 120,000 บาท (คิดจากฐานผู้เสียภาษี 4 ล้านคนใช้คนละ 30,000 บาท) โดยเงินที่เข้าสู่ระบบ 200,000 ล้านบาทนี้มาจากเงินของรัฐ 60,000 ล้านบาท คือจากการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 21,000 ล้านบาท มาจากโครงการคนละครึ่ง 30,000 ล้าน และรายได้ที่หายไปจากการลดหย่อนภาษี 10,000 ล้านบาท และหลังจากนี้ ศบศ.จะหารือถึงการหารายได้เข้าประเทศ นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรีขอให้สมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุน ไปร่วมกันทำเรื่องปรับโครงสร้างหนี้มูลค่า 7 ล้านล้านบาทของลูกหนี้ 12.5 ล้านราย โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยวางกรอบแนวทางการแก้ปัญหา

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กล่าวว่า มาตรการช้อปดีมีคืนจะช่วยรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ สนับสนุน ผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี ส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่น และส่งเสริมการอ่าน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กลุ่มผู้ประกอบการประเภทผู้ประกอบการค้าสินค้าและบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและผู้ประกอบการขายหนังสือและสินค้าโอทอป โดยไม่รวมสินค้าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ยาสูบ สลากกินแบ่งรัฐบาล น้ำมัน ค่าที่พัก และค่าตั๋วเครื่องบิน มาตรการจะมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 เพื่อใช้ ลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2563 ณ มีนาคม 2564

ขณะเดียวกัน ศบศ.เห็นชอบการปรับปรุงมาตรการเราเที่ยวด้วยกันและมาตรการกำลังใจ เสนอโดยการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) โดยขยายเวลาโครงการจากสิ้นสุด 31 ต.ค.2563 เป็นสิ้นสุด 31 ม.ค. 2564 โดย ททท.เสนอมาให้สิ้นสุดในสิ้นปี 2563 แต่นายกรัฐมนตรี เห็นว่าให้ข้ามไปยังปี 2564 เพื่อสนับสนุนให้คนเดินทางท่องเที่ยวผ่านโครงการนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในวันที่ 8 ต.ค.นี้จะยังไม่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนจากเมืองกว่างโจว เข้ามาประเทศไทยไปยังจ.ภูเก็ต เนื่องจากในพื้นที่มีข้อเสนอมาว่าอยากให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรกเข้ามาหลังเทศกาลกินเจผ่านไปก่อนในวันที่ 25 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขอวีซ่าเอสทีวี หรือ สเปเชี่ยล ทัวริสต์ วีซ่า สามารถมาลงในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากภูเก็ตได้ก่อน แต่ยังต้องกักตัว 14 วัน