วิงวอน! “วิสาหกิจชุมชนบ้านทุ่งแพม” ขอผู้ใช้กัญชาสายปาร์ตี้ อย่าเอาแต่สนุก



  • โปรดเห็นใจคนป่วย หวั่นบันเทิงจนพากัญชากลับไปล็อกตาย
  • ยกข้อดีของกัญชา กรณีใช้ให้ถูกทาง เผยมีพี่น้องที่ใช้รักษาอาการป่วยพาร์กินสันเห็นผลดี
  • วอนอย่าทำลายโอกาสของผู้ป่วย ที่เขาอยากจะปลูกไว้รักษาตนเอง

นางอรพินทร์ พญาพิทักษ์สกุล ผู้ก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนกล่าวถึงกระแสดราม่าเรื่องการใช้กัญชาเพื่อการนันทนาการ ว่า ส่วนตัวมีความรู้และสนใจศึกษาสรรพคุณประโยชน์การใช้กัญชามาหลายปี ก่อนจะรวมตัวมาปลูก และจำหน่ายกัญชาทางการแพทย์ โดยเป็นการรวมตัวกับชาวบ้านทุ่งแพม ก่อตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน เมื่อปี 2563ได้รับการช่วยเหลือจากทางภาครัฐ

กระทั่งตอนนี้ กิจกรรมต่างๆ มีความเข้มแข็ง กัญชา กลายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของสมาชิกที่รวมตัวกัน นี่คือประโยชน์ของการใช้กัญชาอย่างถูกต้อง ตอนนั้น ต้องยอมรับว่า เรามีความลำบากในเรื่องของการทำกิน เพราะราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ ก็ได้กัญชามาช่วยไว้ จนตอนนี้เข้มแข็งขึ้นมาแล้ว กัญชา คือทางรอดของเรา

ขณะเดียวกัน ตนมีพี่น้องที่ใช้กัญชา รักษาอาการป่วยพาร์กินสัน ซึ่งตอนนี้อาการดีขึ้นมาก กัญชาจึงช่วยให้คนในครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากที่ต้องเจ็บป่วย กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ทุกวันนี้ ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ นี่คือข้อดีของกัญชา ในกรณีที่ใช้ให้ถูกทาง แต่ปัญหาคือ นับตั้งแต่ปลดล็อกกันออกมา มีการใช้ในเชิงนันทนาการ และมีข่าวว่า จะมีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก ตรงนั้น ตนไม่เห็นด้วยเลย!! เพราะเหมือนเป็นการปิดโอกาสด้านสุขภาพ และด้านรายได้ของคนไทยจำนวนมาก 

สำหรับวิสาหกิจชุมชนฯทุ่งแพมของตนนั้น แม้หากจะกลับไปล็อกให้กัญชาเป็นยาเสพติด ก็ไม่ได้รับผลกระทบแน่นอนเพราะเดินหน้ากิจกรรมมาก่อนที่จะมีการประกาศใช้ ยส.5 ด้วยซ้ำ แต่เสียดายโอกาสสำคัญของคนอื่นๆคนไทย คนป่วยที่จะไม่ได้เข้าถึงกัญชา ซึ่งปัญหาของเรื่องนี้ ขอตอบแทนประชาชนว่าไม่ใช่เรื่องของนโยบาย ที่ออกมาดีแล้ว และมีการออกประกาศ เพื่อตีกรอบการใช้ ซึ่งถือว่ารวดเร็ว ทันสถานการณ์ แต่ปัญหาที่เป็นประเด็นสำคัญมาจากการใช้ของบางกลุ่ม บางคน ที่อยากลองของ!! เห็นแก่ความสนุกชั่วคราว ไปใช้ให้เกิดโทษ ใช้โดยขาดการศึกษา หรือการใช้อย่างไม่รับผิดชอบ กลายเป็นช่องทางให้กัญชาถูกโจมตี  ทั้งที่ มีคนอีกจำนวนมหาศาล ผู้ป่วยจำนวนมากกำลังจะได้หายเจ็บ หายป่วยจากนโยบายนี้ อีกอย่างหนึ่งคือ ต้องขอให้เจ้าหน้าที่รัฐดูแลเข้มงวดจริงจัง หากพบเห็นการใช้ที่ผิดเป้าหมายของนโยบาย เช่น เอาไปดูด ควันพุ่ง ในที่สาธารณะ ท่านสามารถจับกุมได้เลย กฎหมายจะได้ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อผู้บังคับใช้ ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่ถ้าปล่อยปละละเลย ออกกฎหมายมา 100 ฉบับ ก็ไม่มีใครเชื่อฟัง

“จึงอยากขอวิงวอน ใครก็ตาม ที่เห็นว่าการใช้กัญชาเป็นเรื่องสนุก อยากเมา อยากจะหลอน ก็ขอร้องว่าอย่าใช้เลยท่านกำลังทำผิดอย่างยิ่ง เพราะพฤติกรรมของท่าน อาจจะเป็นข่าวใหญ่ มันจะไปทำลายโอกาสของผู้ป่วยที่เขาอยากจะปลูกไว้รักษาตนเอง ไปจนถึงคนทำมาหากินที่เขาจะเอากัญชาไปประกอบในผลิตภัณฑ์ เขาศึกษามาดี มีการลงทุนไปบ้างแล้ว หากมีข่าวการใช้ที่ผิด เป็นเรื่องสันทนาการ แล้วภาครัฐ ไม่ทน มีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดโอกาสที่เขาควรจะได้จะหายไปทันที คนป่วยที่ควรจะมียาอยู่บ้าน ก็ต้องเดินทางไกลไปโรงพยาบาลอีก ท่านทำอะไรให้นึกถึงคนอื่นๆ ด้วย”