“วราวุธ”สั่งกรมควบคุมมลพิษดูข้อกฎหมายเอาผิดบริษัททำน้ำมันรั่วทะเล

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก กลางทะเล ท่าเรือมาบตาพุด จังหวัดระยอง เบื้องต้นได้ประสานกับกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง กรมควบคุมมลพิษ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กองทัพเรือแล้ว ซึ่งจากการแถลงข่าวของบริษัทที่ระบุว่ามีน้ำมันรั่ว 2 ถึง 4 แสนลิตร จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่พบเป็นฟิล์มรอยบาง ๆ บนผิวน้ำประมาณ 2 หมื่นลิตร และหลังจากดูทิศทางการไหลของกระแสน้ำทะเลแล้ว น่าจะวางใจได้ว่าน้ำมันกว่า 2 หมื่นลิตรที่ลอยอยู่ ไม่น่าจะพัดเข้าชายฝั่ง

“ขั้นตอนที่ทำอยู่ขณะนี้ คือการใช้เครื่องบินโปรยสารเคมี ให้น้ำมันดิบจับตัวเป็นก้อนและจมลงทะเล เป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้น ส่วนระยะยาว น้ำมันที่จับตัวเป็นก้อนเหล่านี้ ต้องศึกษาว่ามีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ใต้ทะเลและปะการังอย่างไร ต้องดูในระยะยาว 3- 5 ปี สิ่งเหล่านี้ทางบริษัทต้องมีกองทุนที่จะมารับผิดชอบระยะยาว ไม่ใช่แค่กำจัดน้ำมันออกจากสายตาประชาชนแล้วจบ ผมกำชับอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษและผู้ว่าราชการจังหวัดระยองให้คุยกับทางบริษัท ให้คำนึงถึงผลกระทบระยะยาวด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กล่าว

ส่วนเรื่องของกฎหมายจะสามารถเอาผิดบริษัทด้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ขอศึกษารายละเอียดกฎหมายก่อน อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทางบริษัทต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหาย ที่ผ่านมาทางกระทรวงมีมาตรการสามารถคำนวณค่าเสียหายออกมาเป็นเม็ดเงินได้ ยืนยันว่าหลังจากนี้จะให้กรมควบคุมมลพิษดำเนินการตามกฏหมายอย่างแน่นอน ฝากผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน ขอให้ดูแลระบบขนส่งหรือสายส่ง รวมถึงเรือให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์   

ส่วนเหตุดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเรื่องของอาหารทะเลและราคาสินค้าทะเลหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะตอบ ต้องดูว่าน้ำมันที่จมลงใต้ทะเลจะกระทบกับห่วงโซ่อาหารหรือไม่ แต่ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ซ้ำรอยเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่ว ที่เกาะเสม็ดในปี 2556 เพราะในปีนั้นมีน้ำมันดิบที่รั่วไหลจำนวนมหาศาล มีน้ำมันลอยมาเป็นจำนวนมาก ขอให้พี่น้องชาวจังหวัดระยอง ชาวเกาะเสม็ดและชาวบ้านในบริเวณ ชายหาดแม่รำพึงวางใจได้