“ลุงป้อม”ประกาศเติมเงินลดต้นทุนทำนาสูงสุด 3 หมื่น ลั่น! ชาวนาต้องหลุดพ้นความจน

  • นโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง
  • ภาครัฐจะช่วยเหลือค่าปุ๋ย 50%
  • ก้าวข้ามความขัดแย้ง

วันที่ 30 เมษายน 2566 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ให้ความสำคัญกับเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงานที่มีจำนวนมากที่สุด มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมากจากผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ อาทิ ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และยางพารา เป็นต้น แต่เมื่อพิจารณาถึงรายได้ของเกษตรกรไทยแล้ว กลับเป็นกลุ่มประชากรที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าอาชีพอื่นๆ ขาดความมั่นคง ก่อให้เกิดปัญหาคุณภาพชีวิต อีกทั้ง มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูง

นายชาญกฤช ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐจึงออกนโยบายเฉพาะเพื่อเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ โดยเริ่มจากนโยบายที่ 1 นโยบายเติมเงินทุนช่วยเหลือเกษตรกร ครัวเรือนละ 30,000 บาท นโยบายที่ 2 นโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง ซึ่งภาครัฐจะช่วยเหลือค่าปุ๋ย 50% และล่าสุด นโยบายที่ 3 นโยบายเพิ่มเงินช่วยเหลือต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้ชาวนา อัตราไร่ละ 2,000 บาท จำนวนไม่เกิน 15 ไร่ เป็นเงิน 30,000 บาทต่อราย

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน รัฐบาลให้การสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว อัตราไร่ละ 1,000 บาท จำนวนไม่เกิน 20 ไร่ เป็นเงิน 20,000 บาทต่อราย ซึ่งการปรับลดจำนวนพื้นที่เหลือ 15 ไร่ ไม่ได้ทำให้ชาวนาเสียประโยชน์ ในทางกลับกัน ชาวนาจะได้รับเงินช่วยเหลือต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวที่มากขึ้น อีกทั้ง รัฐบาลจะสามารถให้ความช่วยเหลือชาวนารายย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึงมากกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจ และจูงใจให้ชาวนาเพาะปลูกข้าวสายพันธุ์คุณภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้ตนเองและครอบครัว

ทั้ง 3 นโยบายด้านการเกษตร ที่พรรคพลังประชารัฐประกาศออกมา ทางดรีมทีมเศรษฐกิจของพรรคมั่นใจว่า จะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับกลุ่มเกษตรกรแบบ 360 องศา อาทิ ช่วยเติมทุนการเพาะปลูก ช่วยลดต้นทุนการผลิต ช่วยเพิ่มผลผลิตเกษตร และช่วยให้จำหน่ายในราคาสูง ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรอย่างยั่งยืน เพราะเกษตรกรจะมีรายได้สูงขึ้น หลุดพ้นกับดักความยากจน ไม่เป็นหนี้สิน

ซึ่งเกษตรกรจะเป็นอีกกลุ่มประชากรที่มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจฐานรากและการบริโภคภายในประเทศ พร้อมฝากประชาชนพิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส. พรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน” นายชาญกฤช กล่าว